ทัศนคติ

คำสารภาพของคน Gen Y

Gen Y

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีหลังมานี้ ใครหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่ามนุษย์ Gen Y เจนโน้น มนุษย์เจนนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าเราจะรู้ไปทำไม แล้วการแบ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ตามปีเกิดนี่มันจะมีความน่าเชื่อถือจริงหรือเปล่า แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เราก็ยิ่งกลับมามองตัวเองว่าแล้วเราหละเป็นไปตามเจนที่เขาบอกไหม

 

แนวความคิดเรื่องการแบ่งคนตาม Generation เกิดมาจากความคิดทางการตลาดที่มองว่าแนวโน้มการบริโภคของผู้คนแต่ละช่วงวัยแตกต่างกันออกไปอย่างน่าสนใจ แน่นอนว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับอายุ ณ ขณะนั้นเพียงอย่างเดียว หากแต่มันเกี่ยวข้องกับบริบทของยุคสมัยโดยรอบของผู้คนแต่ละช่วงวัยด้วย

 

มนุษย์เจน B หรือ baby bloomers คือมนุษย์ที่เกิดหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกคนคงจินตนาการได้ว่าช่วงสงครามนั้นเป็นช่วงแห่งความแร้นแค้นแสนลำบาก มนุษย์ที่เกิดหลังสงครามจบสิ้นลงจึงเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบถึงขีดสุด พวกเขาเป็นผู้เหลือรอดจากเศษซากปรักหักพัง คนเหล่านี้มักทำงานหนักถึงที่สุดเพื่อแลกมาซึ่งผลตอบแทน

 

มนุษย์เจน X คือมนุษย์ในยุคถัดมาจากมนุษย์เจน B คนกลุ่มนี้จะถูกปลูกฝังจากคนรุ่นหลังให้ตั้งใจทำมาหากินเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สิ่งที่แตกต่างจากเจน B อย่างเห็นได้ชัดคือ เจน X เกิดในยุคที่ระบบทุนนิยมเฟื่องฟูแล้ว โลกกำลังมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเจน X จะขยันขันแข็งไม่ต่างจากเจน B สักเท่าไหร่ แต่ผลสัมฤทธิ์ที่ได้มามักจะมากมายกว่ามาก คนเจนนี้มักมีรากฐานชีวิตที่มั่นคง เพื่อที่จะสืบทอดต่อไปยังคนรุ่นถัดไป

 

มนุษย์เจน Y คือมนุษย์รุ่นต่อมาจากสองเจนข้างต้น หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือคนที่อายุตั้งแต่สิบปลายๆ ไปจนถึงสามสิบต้นๆ ณ ตอนนี้ มนุษย์เจนนี้มักเกิดมาในรากฐานครอบครัวที่ดีกว่าสองเจนแรกมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่โดยทั่วไปแล้วก็จะอยู่ในระดับที่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มนุษย์เจนนี้จึงน่าจะเรียกได้ว่าเกิดมาในพื้นฐานที่แตกต่างไปจากอดีตมาก และแน่นอน พื้นฐานความคิดของคนเจนนี้ก็จะแตกต่างออกไปจากคนในยุคอดีตอย่างสิ้นเชิง

 

จากการศึกษาเรื่องลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs) จะพบว่ามนุษย์ในเจน Y นี้ก้าวข้ามความต้องการทางด้านกายภาพและความปลอดภัยไปแล้ว แน่นอน ความสมบูรณ์พร้อมที่คนสองเจนแรกสร้างไว้ให้นั้นมากมายและเพียงพอจะให้พวกเขาก้าวออกไปเพื่อแสวงหาความรักและความเป็นเจ้าของ ความเคารพในตนเอง และความสมบูรณ์พร้อมในชีวิต

 

คนเจน Y เกิดมาในยุคมนุษย์โลกถูกกล่อมเกลาให้ตามล่าหาความฝัน และค้นหาคุณค่าของการมีชีวิตอยู่

 

ในฐานะที่เป็นคนเจน Y คนหนึ่ง ผมคิดว่าสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างคนเจน Y กับคนเจน X รวมไปถึง Baby Boomers คือ แนวคิดเรื่องสมดุลระหว่าง ชีวิตและการงาน หรือที่คนสมัยนี้นิยมเรียกกันแบบเท่ๆ ว่า Work Life Balance นั่นแหละ

 

ผมมองว่าการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเราซึ่งกันและกัน

 

เจน X ก็ต้องเข้าใจเจน Y ว่า เด็กรุ่นนี้ เกิดมาในสภาวะสังคมแบบนี้ ชีวิตเขาถูกหล่อหลอมให้ตั้งคำถามถึงคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ ส่วนเจน Y ก็ต้องเข้าใจเจน X ว่า ผู้ใหญ่รุ่นนี้ เกิดมาในสภาวะสังคมอีกแบบหนึ่ง ชีวิตเขาถูกหล่อหลอมให้มุ่งผลลัพธ์ การอยู่ดีกินดี รวมไปถึงความมั่นคงในชีวิต

 

สุดท้ายแล้ว ถึงแม้จะแตกต่าง แต่ก็การอยู่ร่วมกันได้ทั้งที่แตกต่างก็ถือเป็นความสวยงามอีกอย่างหนึ่งของสังคม

 

ผมว่าทุกสังคม ทุกองค์กร ทุกเรื่องราวชีวิตก็ผูกสัมพันธ์ไว้ด้วยคนที่มีแนวคิด หรือ คุณค่าในการดำรงอยู่แตกต่างออกไปหมดแหละ สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และนำใจเขามาใส่ใจเรา แล้วทุกอย่างก็จะสามารถ move on ต่อไปได้

 

ผมว่านี่มันคือเสน่ห์ของการใช้ชีวิตเลยนะ

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE

 

พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน