ยิ่งโลกวิวัฒนาการมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเราจะได้มีโอกาสได้เห็นเศรษฐีคนใหม่เร็วขึ้นเท่านั้น สถิติที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ใครรวยเร็วที่สุดในโลก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจในโลกใหม่ส่วนใหญ่ผูกพันกับอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์มาก เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนใหญ่จะสามารถทำซ้ำได้โดยง่าย ยิ่งถ้าเป็นบริษัทซอฟแวร์ต่างๆ ยิ่งขยายขนาดได้อย่างรวดเร็ว เพราะบริษัทจำเป็นต้องทำเพียงระบบหลังบ้าน ส่วนผู้ใช้ก็เพิ่มจำนวนได้ขึ้นเรื่อยๆ ต่างกับธุรกิจแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ อาคาร และสถานที่ในการขยายกิจการ ยกตัวอย่างเช่น หากห้างสักห้างหนึ่งอยากขยายยอดขายให้ได้สักเท่าตัว อาจต้องเปิดสาขาเพิ่มอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งที่ดินและอาคารเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รวมไปถึงทรัพยากรเวลาที่ต้องถมไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่หากร้านค้าออนไลน์สักร้านหนึ่งอยากจะเพิ่มยอดขายเป็นสองเท่า สิ่งที่บริษัทต้องทำอาจจะมุ่งเน้นไปที่การหาลูกค้าเท่านั้น เพราะแน่นอน การขายของออนไลน์เพิ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องใช้อาคาร สถานที่ หรือพนักงานจำนวนมากมาย หรืออาจจะเรียกได้ว่า ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่มีการประหยัดจากขนาดหรือ economy of scale นั่นเอง
Sam Parr ได้ทำการรวบรวมข้อมูลของช่วงเวลาที่เศรษฐีแต่ละคนใช้เพื่อจะมีสินทรัพย์ถึง 1,000 ล้านเหรียญ ผ่านบทความ The Fastest Self-Made Billionaires ที่ตีพิมพ์ผ่าน The Hustle เอาไว้ โดยสังเกตว่าเศรษฐีสมัยเก่ามักจะใช้เวลาค่อนข้างมากในการสร้างเนื้อสร้างตัว อย่าง John D. Rockefeller เศรษฐีพันล้านเหรียญคนแรกของสหรัฐอเมริกาใช้เวลายาวนาน 25 ปีถึงจะขึ้นมาติดทำเนียบนี้ได้ โดย John D. Rockefeller สร้างความมั่งคั่งมาจากธุรกิจผูกขาดน้ำมันซึ่งสร้างรายได้ให้เขาอย่างมากมายมหาศาล จนช่วงหลังในชีวิตเขาหันมาทำการกุศลมากขึ้น โดยเป็นผู้ก่อตั้ง the University of Chicago และปฏิเสธที่จะใช้ชื่อตัวเองอยู่ในชื่อของมหาวิทยาลัย
แต่เศรษฐีพันล้านรุ่นใหม่ใช้เวลาน้อยกว่า John D. Rockefeller มาก โดยจะขอยกเศรษฐีพันล้านที่รวยเร็วที่สุดตามสถิติ 5 อันดับแรกขึ้นมา ดูเหมือนมหาเศรษฐีทุกคนจะมีความเกี่ยวพันกับอินเตอร์เน็ตไม่ทางตรงก็ทางอ้อมทั้งสิ้น
ใครรวยเร็วที่สุดในโลก ?
อันดับที่ 5 Mark Zuckerberg – Facebook
เสียใจด้วยหากคุณทายว่า Mark Zuckerberg อยู่อันดับหนึ่ง เพราะเขาใช้เวลาทั้งหมด 4 ปีในการตั้งตัวเป็นเศรษฐีพันล้าน Mark Zuckerberg ก่อตั้ง Facebook ในปี 2004 และมีผู้สมัครใช้ภายใน 24 ชั่วโมงแรก 1,500 คน โชคดีที่เขาปฏิเสธคำขอซื้อกิจการที่ราคา 1 พันล้านเหรียญไปเมื่อปี 2006 มิฉะนั้นจะถือเป็นการขายหมูครั้งใหญ่ เพราะตอนนี้ Facebook มีมูลค่ากว่า 512 พันล้านเหรียญแล้ว
อันดับที่ 4 Pierre Omidyar – eBay
Pierre Omidyar เริ่มต้นจากการวางแผนอย่างสร้าง eBay ตั้งแต่ทำงานประจำ แต่เขาไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ จนต้องใช้เวลากว่า 9 เดือนในการสะสมเงินเพื่อจะไปสร้างสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อเขาลาออกจากงาน สร้าง eBay เว็บไซต์ของเขาก็ดังเป็นพลุแตก และเขาก็ได้เป็นเศรษฐีพันล้านภายในเวลา 3 ปี
อันดับที่ 3 Andrew Mason – Groupon
คนไทยหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกับ Groupon มากนัก แต่ถ้าไปอยู่ในอเมริกาแล้วมันถือว่ามีชื่อเสียงมากทีเดียว Groupon เกิดจากกันรวมกันของคำว่า Group และ Coupon นั่นก็คือการรวมกลุ่มลูกค้าเพื่อซื้อคูปองสินค้าและบริการในราคาพิเศษนั่นเอง โดย Groupon จะเป็นตัวกลางในการเจรจากับร้านค้าเพื่อนำดีลมาเสนอขายในราคาพิเศษ เชื่อหรือไม่ว่า Andrew Mason กลายเป็นเศรษฐีพันล้านในเวลา 2.5 ปีจากธุรกิจนี้ โดย Groupon ใช้เวลา 7 เดือนหลังก่อตั้งเท่านั้นในการพลิกมากำไร และใช้เวลา 2.5 ปีในการสร้างรายได้หลักพันล้านดอลล่าร์
อันดับที่ 2 Gary Winnick – Global Crossing
Gary Winnick น่าจะเป็นคนรวยเร็วในกลุ่มนี้ที่เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยไม่มากนัก โดยเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับสายไฟเบอร์ออฟติกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีซอฟแวร์ระดับโลกของตัวเอง แต่บริษัทซอฟแวร์ระดับโลกหลายบริษัทก็จำเป็นต้องใช้ Global Crossing เมื่อตั้งใจจะไปบุกตลาดฝั่งเอเชีย Global Crossing ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้านภายในเวลา 1.5 ปีเท่านั้น น่าเสียดายที่ภายหลังบริษัทก็ล้มละลายในที่สุด แถมยังถูกข้อหาทุจริตอีกด้วย Global Crossing จึงหายไปกับเงินชดใช้จำนวนมากที่บริษัทต้องคืนแก่ผู้ถือหุ้น
อันดับ 1 Jay Walker – Priceline
หากเทียบกับอันดับ 2 และอันดับ 3 แล้ว เศรษฐีพันล้านอันดับ 1 ถือว่าดูคู่ควรกับตำแหน่งนี้กว่ามาก เพราะ Priceline ของ Jay Walker ยังคงทำธุรกิจเว็บไซต์คนกลางสำหรับจองที่พักชื่อดังอย่าง priceline booking และ agoda โดยเขาขึ้นเป็นเศรษฐีพันล้านภายในเวลา 1 ปีเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่า Priceline จะเป็นบริษัทที่ยังดูแข็งแกร่งและมีอนาคตสดใสอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็น่าเสียดายที่ Jay Walker ได้ลาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมราคาหุ้นก็ยังวิ่งขึ้นต่อมากว่า 20,000% ได้
ไม่น่าแปลกที่นักธุรกิจจำนวนมากแสวงหาผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างที่สามารถสร้างเงินจากวิถีออนไลน์และหวังว่ามันจะเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะจากสถิติ มหาเศรษฐีอันดับโลกส่วนมากก็สร้างตัวมาจากธุรกิจจำพวกนี้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมหาเศรษฐีดังกล่าวเป็นผู้ที่เหลือรอดมาจากนักธุรกิจกี่คนเท่านั้นเอง
ขอบคุณรูปภาพสวยสวยจาก CNET
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :