สรุปข้อมูลบริษัท UNIQLO : เจ้าของ UNIQLO คือเศรษฐีที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น

รู้หรือไม่ว่า นักธุรกิจที่รวยที่สุดในญี่ปุ่นนั้นรวยมาจากอุตสาหกรรมอะไร ?

หากวิเคราะห์คร่าวๆ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่โดดเด่นมากในเรื่องของเทคโนโลยีและยานยนต์ ดังนั้นเศรษฐีที่ติดอันดับจะต้องมาจากทั้งสองกลุ่มนี้ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก็ถูกต้อง แต่สำหรับคนที่รวยที่สุดนั้นไม่ได้มาจากสองอุตสาหกรรมนี้ แต่เขามาจากธุรกิจที่ง่ายกว่านั้นมาก ธุรกิจเสื้อผ้า

และเศรษฐีคนนั้นคือ Tadashi Tanai ผู้เป็นเจ้าของ UNIQLO

ในปัจจุบัน คุณ Tadashi Yanai เป็นบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยทรัพย์สินโดยประมาณ 31,000 ล้านเหรียญ แต่หากย้อนไปสัก 40 ปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่าธุรกิจเสื้อผ้าของครอบครัวเขาจะกลายเป็นร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ติดอันดับโลก

แรกเริ่มเดิมที ร้านเสื้อผ้าของครอบครัวเขาไม่ได้ขายเสื้อผ้าเก๋ๆ เหมือนทุกวันนี้ ตอนแรกเป็นร้านขายสูท แต่ด้วยความที่ Tadashi Yanai เพิ่งเรียนจบและไปทำงานที่อื่นมาได้สักพัก ความไฟแรงในตัวเขาจึงผลักดันให้เปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัว จากเดิมที่เป็นร้านชุดสูท ก็เปลี่ยนมาขายเสื้อผ้าในลักษณะสบายๆ (casual) เพราะเห็นความนิยมของเทรนด์นี้จากที่ได้ไปดูงานในต่างประเทศ รวมถึงปรับปรุงระบบหลังบ้านของร้านขนานใหญ่ด้วย

จนในที่สุด UNIQLO สาขาแรกก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 1984 และจากนั้นอีกสิบปีให้หลัง ก็มีสาขาในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 สาขาและเริ่มขยายไปสู่ต่างประเทศ พร้อมกับนำพาบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงเวลาไล่ๆ กัน และก็อย่างที่เห็น ร้านเสื้อผ้าของ UNIQLO ขยายจนกลืนกินไปแล้วแทบจะทั้งโลก ด้วยตัวเลขรายได้ในปีล่าสุดที่สูงถึงเกือบ 2.3 ล้านล้านเยน

งบการเงินบริษัท Fast Retailing (บริษัทแม่ของ UNIQLO)

ปี 2017
รายได้ 1,862 พันล้านเยน
ค่าใช้จ่าย 1,743 พันล้านเยน
กำไรสุทธิ 119 พันล้านเยน

ปี 2018
รายได้ 2,130 พันล้านเยน
ค่าใช้จ่าย 1,975 พันล้านเยน
กำไรสุทธิ 155 พันล้านเยน

ปี 2019
รายได้ 2,291 พันล้านเยน
ค่าใช้จ่าย 2,128 พันล้านเยน
กำไรสุทธิ 163 พันล้านเยน

ไม่แปลกว่าทำไม Tadashi Yanai จะกลายเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และถึงแม้รายได้และกำไรจะเติบโตขึ้นขนาดนี้แล้ว UNIQLO เองก็พยายามเจาะตลาดใหม่ๆ อย่างเช่นกลุ่มลูกค้าในประเทศอินเดียด้วย นอกจากนั้น บริษัทก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับยอดขายผ่านออนไลน์มากขึ้น เพราะไม่ต้องมีต้นทุนในการเปิดร้านค้าใหม่ เรียกได้ว่าหาทางโตราวกับบริษัทเพิ่งตั้งไข่ ทั้งที่ UNIQLO สามารถหาเงินได้ในหลักล้านล้านเยนต่อปีด้วยซ้ำ

นั่นก็เพราะว่า ถึงแม้บริษัทจะดูยิ่งใหญ่ราวกับอาทิตย์อุทัยขนาดไหน แต่ทุกธุรกิจย่อมมีจุดอ่อน UNIQLO เองก็เคยประสบปัญหาในการเจาะกลุ่มลูกค้าแต่ละประเทศเช่นกัน เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับคนในแต่ละประเทศได้ นี่เป็นความเสี่ยงอย่างแรกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนั้น รายได้หลักที่สำคัญของบริษัทมาจากประเทศจีน ดังนั้นหากมีอะไรที่มากระทบต่อกำลังซื้อของคนจีนแผ่นดินใหญ่ มันย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของ UNIQLO อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และอีกปัจจัยที่บริษัทใหญ่ต้องเผชิญเหมือนๆ กันก็คือ ด้วยขนาดที่ใหญ่ของมัน ทำให้เริ่มมีนักวิเคราะห์กังวลแล้วว่า UNIQLO จะสามารถรักษาการเติบโตนี้ไว้ได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งก็เป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ ขนาดบริษัทที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้การเติบโตนั้นยากขึ้นเป็นธรรมดา และดูเหมือนราคาหุ้นก็จะกังวลเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากราคาหุ้นของ Fast Retailing ไม่ได้ขยับไปไหนเลยมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว

UNIQLO อาจเน้นขายเสื้อผ้าแบบสบายๆ ก็จริงอยู่ แต่อนาคตของบริษัทระดับล้านล้านเยนแห่งนี้อาจไม่ได้สบายๆ อย่างที่เราคิดกันนัก