รู้จัก Medical Tourism : โครงสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

หลายคนคงทราบดีว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ของประเทศไทย แต่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็นภาพว่า จริง ๆ แล้ว กลุ่มก้อนอุตสาหกรรมนี้ มีการแบ่งสัดส่วนอย่างไร ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง วันนี้ ลงทุนศาสตร์จึงชวนทุกคนไป รู้จัก Medical Tourism กัน

Medical Tourism คือ การมารักษาอาการบาดเจ็บร่วมกับการท่องเที่ยว เช่น คุณพ่อมาผ่าตัดบอลลูนเส้นเลือดหัวใจ คุณแม่ก็ถือโอกาสมาไหว้พระ ส่วนคุณลูกก็ถือโอกาสมาช้อปปิ้งด้วยพร้อมกันเลย

กระแส Medical Tourism เกิดขึ้นเนื่องจากคนที่มีรายได้สูง ต้องการคุณภาพทางการแพทย์ในระดับสูง การบริการแบบพรีเมี่ยม และราคาในเรทที่รับได้ ประเทศไทยจึงเป็นตัวเลือกที่ดี ในการเป็นแหล่งรักษาร่างกาย เนื่องจากมีหมอฝีมือดี โรงพยาบาลที่บริการเป็นเยี่ยม มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกหลายหลาย อยู่ในทำเลที่ง่ายต่อการเดินทางไปที่ประเทศอื่นต่อ และยังมีค่าครองชีพไม่สูงเลย ค่ารักษาก็ถูกมาก ถ้าเทียบกับประเทศต้นทางของผู้ที่มารักษาตัว

ประเทศไทยจึงมีความคิดที่จะเป็น Medical Hub หรือ ศูนย์กลางการรักษาสุขภาพแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กำลังแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดกับสิงคโปร์อยู่)

แล้วใครจะได้ประโยชน์จาก Mega Trend นี้บ้าง ?

อันดับหนึ่ง ตรงสุด คงหนีไม่พ้นโรงพยาบาลเอกชน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมจากต่างประเทศทั้งหลาย ที่กินสัดส่วนรายได้ประมาณ 50 % ของการใช้จ่าย รองมา คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว สายการบิน และ ค้าปลีก ที่อยู่ในโซนท่องเที่ยว กินสัดส่วนรายได้ 35.7 % ของรายได้ และ สุดท้าย คือ การแพทย์ทางเลือกอื่น เช่น สปา แพทย์แผนไทย ที่กินสัดส่วนรายได้อีก 14.3 % ของ Medical Tourism

สุดท้ายนี้ คงเป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่คิด วิเคราะห์ แยกแยะว่า ใครจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ทางตรงบ้าง ใครจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ทางอ้อมบ้าง