ทัศนคติ

ดีใจได้ไม่สุด เพราะสะดุดกับความกล้า ๆ กลัว ๆ

ดีใจได้ไม่สุด เพราะสะดุดกับความกล้า ๆ กลัว ๆ

ดีใจได้ไม่สุด เพราะสะดุดกับความกล้า ๆ กลัว ๆ

 

ไม่ว่าใครก็คงเคยมีประสบการณ์กังวลใจกับการจะทุ่มหมดตัวหมดใจไปกับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ เรื่องของการเผชิญหน้ากับความท้าทาย หรือการกล้าได้กล้าเสียในการทำธุรกิจหรือการลงทุน ซึ่งหลายครั้งการไปไม่สุดนี้ก็ทำให้เราไม่ได้พบกับความสุขที่พอใจ ไม่ได้ทำให้เราภูมิใจในความสำเร็จมากอย่างที่คิด ดีใจได้ไม่สุด เพราะสะดุดกับความกล้า ๆ กลัว ๆ

 

ความกล้า ๆ กลัว ๆ เป็นสถานะก้ำกึ่งที่เราอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่ที่เรามั่นใจและยังรู้สึกปลอดภัย (comfort zone) กับพื้นที่เราไม่มั่นใจเพราะเราคาดการณ์ผลลัพธ์อะไรไม่ได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราจะต้องยอมเปราะบาง (vulnerable) ต้องปลดหรือปล่อยวางเกราะที่เราใช้กำบังตัวเองลง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขสถิติการอ้างอิงทางวิชาการ สิทธิพิเศษสถานะทางสังคม หรือความมั่นใจที่เราจะควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งการก้าวมายังพื้นที่นี้ทำให้เรากลัว

 

ความกล้า ๆ กลัว ๆ ในชีวิต ทำให้เราไปได้ไม่สุด

 

หากจะยกตัวอย่างความกล้า ๆ กลัว ๆ ในชีวิตที่ทำเราไปได้ไม่สุด อาจเป็นช่วงเวลาที่เราเชื่อว่าความคิดนี้ถูก จะพาเราไปสู่อีกระดับของนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และผลกำไร แต่ด้วยความลังเลใจในความเสี่ยง เราจึงก้าวไปอย่างรอบคอบระมัดระวังและไม่กล้าเลือกก้าวที่ท้าทาย ผลจึงทำให้เราเคลื่อนได้ช้าและมีคนทำสิ่งนั้นได้เร็วและแซงหน้าเราไป

 

ความกล้า ๆ กลัว ๆ อาจอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างเรื่องของความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่วันหนึ่งเราโตพอที่จะอธิบายได้ว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่ก็ยังไม่มั่นใจไม่แน่ใจที่จะสื่อสารออกไปกับพ่อแม่ เพราะกังวลว่าจะเกิดการทะเลาะหรือผิดใจ ทำให้เราก็ยังคงติดอยู่ในสถานะของการเลี่ยงความขัดแย้ง แต่ก็ต้องแลกมากับการที่เราไม่ได้ไปในที่ที่อยากไป ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่กล้าแสดงออกหรือใช้ชีวิตในแบบที่เราเป็นจริง ๆ

 

อาจเป็นความสัมพันธ์กับคนที่เราคบหาดูใจที่เราเริ่มค่อนข้างมั่นใจว่ารู้สึกรัก แต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะแสดงความรักหรือบอกออกไป เพราะไม่มั่นใจในคำตอบและไม่กล้าที่จะไปอยู่ในสถานะที่เราควบคุมอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นเราเลือกที่จะอยู่ในความคลุมเครือก้ำกึ่ง จะสุขก็สุขได้ไม่สุด จะหยุดความสัมพันธ์ก็ไม่แน่ใจ เราจึงไม่อาจสบายใจความสัมพันธ์

 

การยอมก้าวไปในพื้นที่เปราะบางทำให้พบกับความสุขระดับใหม่

 

ในทางจิตวิทยาพบว่าการที่เรายอมรับสถานะของความเปราะบาง (vulnerability) จะเป็นหนทางที่ทำให้เราได้พบกับความสุขที่แท้จริง ทำให้เราได้พบกับความคิดสร้างสรรค์ เป็นจุดเริ่มต้นของความกล้าหาญ และเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การเติบโต เปรียบเสมือนปูที่ผลัดกระดอง ในวันที่ตัวคับเต็ม คงต้องมีบ้างบางจังหวะเวลาที่เรายอมออกจากเกราะที่แข็งและหนา ออกมาเปล่าเปลือยเปราะบางเป็นปูที่ตัวนิ่มสักระยะ เพื่อการสร้างหรือหากระดองใหม่ที่จะทำให้เราเติบโตไปอีกขั้น แข็งแกร่งในอีกระดับ

 

ความเปราะบางไม่ใช่ความอ่อนแอ

 

ความเปราะบางในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอและก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นทางลบ ไม่ได้หมายถึงการแพ้ แต่เป็นความกล้าหาญที่เราจะแสดงตัวตนที่ไม่มั่นใจ ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ออกไปให้คนอื่นได้เห็น ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร เราเอาตัวเองแบบเต็มตัวและหัวใจออกไปเผชิญกับความไม่แน่นอน ความเสี่ยง และประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย

 

การใช้ชีวิตแบบเต็มที่ไม่กลัว พร้อมจะเจ็บตัวแบบเต็มใจ

 

การจะกล้าออกไปเผชิญหน้ากับความเปราะบาง ข้ามผ่านความกล้า ๆ กลัว ๆ จุดเริ่มต้นอาจจะเริ่มจากการยอมรับ ยอมรับว่าเราต่างก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เราต่างก็เปราะบาง มีบางครั้งบางเวลาเราก็กลัว แต่การที่เราเป็นคนแบบนั้นนั่นไม่ได้แปลว่าเราจะกล้าหาญไม่ได้ เราไม่มีคุณค่าพอที่จะได้รับความรัก และไม่สามารถจะเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ หรือสังคม

 

Wholehearted living คือ การใช้ชีวิตแบบที่โอบรับความเป็นตัวเองแบบเต็มตัวไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งส่วนใด คือ การที่เราใช้ชีวิตแบบเต็มใจและพอใจในเวอร์ชันที่ดีที่สุดในวันนี้ของเรา แน่นอน มันดีกว่านี้ได้อีกในรูปแบบของการพัฒนาเป็นเวอร์ชันถัดไป แต่ไม่ได้แปลว่าเวอร์ชันเก่าหรือสิ่งที่เป็นในอดีตที่ผ่านมาไม่มีอะไรดี เพราะมันก็ใช้การได้ แม้จะมีผิดพลาด ผิดหวัง ล้มเหลว หรือจุดบกพร่องบ้างก็เป็นแค่บางจุด ไม่ใช่ทั้งหมด และมันก็พาเรามาไกลถึงในปัจจุบัน

 

การอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย อาศัยอยู่ในความกล้า ๆ กลัว ๆ เป็นแค่ทางที่ง่าย

 

การพยายามบอกว่าฉันสมบูรณ์แบบแล้ว พอใจแล้วจะอยู่แบบนี้ต่อไป เป็นเพียงการอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย อยู่ในกำแพงของความกล้า ๆ กลัว ๆ ที่เป็นทางที่ง่าย แต่ไม่ได้พาให้เราเติบโต ยิ่งการที่เราพยายามจะหนีต่อความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง หนีต่อความกลัว กลับทำให้เราต้องยิ่งวิ่งหาสิ่งต่าง ๆ มาเติมไม่รู้จบ เรายิ่งสะสมข้าวของ ยิ่งมีความรู้สึกว่าเราต้องเก่งให้มากขึ้น เพื่อที่จะมาเป็นเกราะกำบัง เป็นที่ให้เราซ่อนอยู่ข้างหลังเพื่อปกป้องตัวเองจากอนาคตของชีวิตที่ควบคุมไม่ได้ ผลลัพธ์คือเรายิ่งเปรียบเทียบ ยิ่งตัดสินตัวเอง ยิ่งบีบบังคับและกดทับชีวิตเพื่อหุ้มด้วย “คนที่เราควรเป็น” มากกว่า “คนที่เราเป็นอยู่แล้วในวันนี้”

 

หากคุณเป็นนักลงทุนที่คิดว่าต้องแสดงออกว่าเราเชี่ยวชาญ เราแน่นอน เรามั่นใจ เรามีทฤษฎีและหลักการมากมายเต็มไปหมด จนไม่เผยด้านเปราะบางบ้างเลยว่าคุณเองก็ผิดก็พลาด ไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางทีคุณเองอาจจะกำลังปิดโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำ หยุดโอกาสในการเติบโต และกำลังซ่อนตัวอยู่ในกำบังหลังกระดอง การอาศัยอยู่ในความกล้า ๆ กลัว ๆ ที่คุณเลือกให้ตัวเองนี้ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณสะดุด หยุด และไม่ได้ไปต่ออยู่ก็เป็นได้

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE

 

พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน