ทำก่อนแล้วจึงเป็น ไม่ใช่เป็นก่อนแล้วจึงทำ
การลงทุนเป็นเรื่องที่ยาก แต่คำว่ายากไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ คำว่ายากอาจจะมีความหมายเพียงว่าต้องทุ่มเท ฝึกฝน และใช้ความพยายาม หลาย ๆ คนที่อยากเป็นนักลงทุนเมื่อได้ลองเริ่มลงทุนจริงก็อาจจะผิดหวัง ท้อแท้ อยากล้มเลิกแล้วบอกตัวเองว่าเราคงเป็นนักลงทุนไม่ได้ไม่มีแววหรือพรสวรรค์ การจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะสำเร็จตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ลงมือทำ แต่คือการทำก่อนแล้วจึงเป็น ไม่ใช่เป็นก่อนแล้วจึงทำ
วันแรกที่เริ่มทำ มีหลายสิ่งมากที่เราต้องเรียนรู้ซึ่งความคาดหวังควรตั้งไว้ที่การเรียนรู้ ไม่ใช่ผลลัพธ์หรือผลสำเร็จ คำถามที่ควรถามในช่วงแรก คือ เราจะทำอย่างไรให้เรียนรู้ได้มากและเรียนรู้ได้ถูก ซึ่งธรรมชาติของการเรียนรู้ในช่วงต้นคือทำผิดมากกว่าถูก เพราะความผิดเหล่านั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ แต่หลาย คนเมื่อผิดพลาดซ้ำ ๆ ในช่วงแรก ก็อาจจะมีความคิดไปว่าเราจะไหวไหม จะเป็นได้จริงหรือเปล่า
Acting as if หรือ การสวมบทบาททำตัวให้เหมือนคนที่เราอยากเป็น คือ เทคนิคหนึ่งที่ใช้ในการปรับความคิด ปรับพฤติกรรม โดยในวันที่เรามีภาพที่ชัดว่าคนที่เราอยากเป็นเป็นอย่างไร ก็ให้สวมบทบาทว่า หากเราเป็นคนคนนั้นแล้วเขาจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร หากมีคนมาพูดกับเขาว่าแบบนี้เขาจะตอบกลับไปว่าอะไร ในวันที่ผิดพลาดคนคนนี้เขาจะพูดกับตัวเองแบบไหน เขาใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมอย่างไร อ่านหนังสือ หรืออ่านบทวิเคราะห์อย่างไร เราจะนึกและสวมบทบาทเป็นเขาคนนั้นอยู่เสมอ แม้ในวันนี้เราจะยังเป็นไม่ได้หรือรู้สึกว่านยังไม่ใช่ แต่ถ้าคิดและทำแบบคนที่เราอยากเป็นคนนั้นต่อเนื่องต่อไป วันหนึ่งก็จะเป็นได้จริง
เชื่อก่อนว่าเป็น แล้วจึงทำให้เป็นจริง
นักวิ่งมาราธอนในวันแรกที่หัดวิ่ง เขาไม่ได้เป็นคนที่วิ่ง 42.195 กิโลเมตรได้ตั้งแต่ต้น แต่เขามีความเชื่อว่าเขาสามารถเป็นได้ จึงทำให้เขามีก้าวแรกในการออกวิ่ง และหมั่นฝึกซ้อมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บาดเจ็บ ก็ฟื้นฟูรักษาและฝึกฝนแบบค่อยเป็นค่อยไป จาก 5 กิโลเมตร เป็น 8 กิโลเมตร ขยับเป็น 10 กิโลเมตร และ 20 กิโลเมตร จนในที่สุดก็สามารถวิ่ง 42.195 กิโลเมตรได้จริง ในวันที่ออกวิ่งวันแรกเขายังไม่ใช่นักวิ่งมาราธอน แต่เมื่อเขาเชื่อว่าเป็นนักวิ่งมาราธอนได้และออกวิ่ง ในที่สุดเขาจึงเป็นนักวิ่งมาราธอน
ทุกขั้นตอนคือการประกอบร่างและการสร้างจะค่อยเป็นค่อยไป
การทำก่อนแล้วจึงเป็น มีความหมายอย่างยิ่งในการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนที่เราอยากเป็น (becoming) เพราะหากเราคาดหวังว่าเราจะต้องมีความสามารถ มีพรสวรรค์ หรือมีโอกาสก่อนเราจึงจะลงมือทำ สมการเมื่อกลับกันจะทำให้วันที่เราจะได้เป็น วันนั้นอาจไม่มี เพราะเราไม่ได้เริ่มลงมือเสียทีและไม่ได้ทำอะไรใด ๆ ที่จะส่งเสริมให้เรากลายเป็นคนคนนั้นเพราะหวังรอคอยว่าจะต้องสามารถเป็นให้ได้ก่อนแล้วจึงทำ
มาตรวัดหรือคู่เปรียบเทียบคือบันไดของการเป็นคนที่เราอยากเป็น
ในการเป็นใครสักคนหนึ่งที่เราอยากเป็น การมีมาตรวัดหรือคู่ไว้เปรียบเทียบ (benchmark) เป็นสิ่งดีที่ทำให้เราได้รู้ว่าเราอยู่จุดไหนและเรายังขาดอะไร เราชื่นชมและเคารพความสำเร็จของใครคนนั้นที่เราเปรียบเทียบได้ แต่ไม่ได้เอามากดทับเพื่อบอกว่าเรายังห่างไกล แต่ให้ใช้เป็นคัมภีร์หรือตำราว่าเขาทำอย่างไร และฝึกฝนเลียนแบบทำไปตามนั้น
ทำตามเขาไปจนพอได้ แล้วจึงพัฒนากลายเป็นสิ่งใหม่
หลาย ๆ ครั้งการจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเราต้องการจะสร้างสิ่งใหม่ เดินในเส้นทางใหม่ หรือ ก้าวออกไปจากกรอบ แต่การมุ่งจะเร่งสร้างสิ่งใหม่เร็วเกินไป อาจทำให้เราลืมหรือมองข้ามทักษะพื้นฐานจากเส้นทางมาตรฐานที่คนปกติเดิน การจะออกจากกรอบได้ควรจะคุ้นเคยหรือเข้าใจขอบของกรอบก่อน เราจึงจะสามารถออกจากกรอบได้ ดังนั้นการทำก่อนแล้วจึงเป็นในขั้นแรกจึงเป็นการเลียนแบบทำตาม ๆ เขาไป เมื่อเราทำตามไปเช่นนั้น เราจะได้เรียนรู้ทักษะและค้นพบประสบการณ์บางอย่างที่จะสามารถนำไปต่อยอดใช้ได้ในอนาคต
บางครั้งในชีวิตหากเรามีเป้าหมายที่อยากไป และมีเส้นทางที่พอเห็นว่าก้าวถัดไปอยากจะทำอะไร ก็จงลงมือทำไป การนำด้วยการทำไปก่อน มันจะพาเราให้ไปพบความหลากหลายของสิ่งที่เราจะเป็นได้ ยังมีตัวตนของเราอีกมากและหลากหลายที่รอเราไปค้นพบ คนที่เราอยากเป็นอาจจะไปซ้ำ ไปเหมือนใครบ้างก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่สำเร็จหรือต้องอยู่ภายใต้เงาใคร เพราะในเส้นทางที่แต่ละคนเดินไป เราต่างก็เจอประสบการณ์และเหตุการณ์คนละแบบกันอยู่เสมอ
การจะเป็นนักลงทุน บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก “เราจะเป็นนักลงทุนได้ไหม” แต่อาจจะเริ่มจาก “เราจะทำอะไรก่อนดีให้ได้รู้หรือพาเราเข้าไปใกล้การเป็นนักลงทุน” ทำไปก่อนแล้วจึงเป็น ไม่ใช่เราเป็นได้ก่อน แล้วจึงจะทำ
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :