การร่วมมือกันคือทางออก การจับมือกันของเหล่าบริษัทสมาร์ทโฮมยักษ์ใหญ่ใน “Matter”
เมื่อกล่าวถึงแวดวงอุปกรณ์สมาร์ทโฮมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Apple, Amazon หรือ Google หลายคนอาจจดจำได้ดีว่าอุปกรณ์ของบริษัทเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะตัว ต้องใช้อุปกรณ์ของบริษัทนั้นเท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากยี่ห้อที่กำหนดให้ ลักษณะดังกล่าวนี้ส่งผลให้ผู้ที่ใช้งานของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง มักจะต้องซื้ออุปกรณ์ของแบรนด์นั้นอยู่เรื่อยไป
ระบบเช่นนี้ชวนให้เราคิดว่าบริษัทที่ดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด ผลิตเทคโนโลยีได้ล้ำหน้าที่สุด ก็จะกลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรและครองใจลูกค้าได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ การแข่งขันกันอาจไม่ใช่วิถีทางเดียวในการทำธุรกิจเสมอไป หากเราย้อนมองการคาดการณ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในขณะที่ธุรกิจสมาร์ทโฮมกำลังมาแรง มีการทำนายว่าภายในปีค.ศ. 2023 ตลาดสมาร์ทโฮมจะมีมูลค่าสูงถึง 137 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขณะนี้ ตลาดสมาร์ทโฮมมีมูลค่าเพียง 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น [1]
ดังนั้น การร่วมมือกันของเหล่าเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมจึงเป็นทางออกของปัญหา โดยล่าสุด บริษัทสมาร์ทโฮมยักษ์ใหญ่ต่างจับมือกันเพื่อให้อุปกรณ์จากต่างบริษัทกันสามารถเชื่อมต่อกันด้วย “Matter” ทั้งนี้ Matter เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของ Google, Amazon, Apple, Comcast และ Zigbee Alliance เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์จากต่างบริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยการเชื่อมต่อทาง IP address ของอินเทอร์เน็ต [2]
โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีค.ศ.2019 และเริ่มมีบริษัทอีกกว่า 300 แห่งเข้าร่วมโครงการ จนกระทั่งในปีค.ศ.2022 นี้ เทคโนโลยี Matter เริ่มประสบผลสำเร็จ เทคโนโลยีเวอร์ชัน 1.0 ได้รับการอนุมัติตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้รับการนำไปใช้งานในการผลิตอุปกรณ์สมาร์ทโฮมรุ่นใหม่ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มเติมในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ เท่ากับว่าต่อจากนี้ไป อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์ใดก็สามารถใช้งานเชื่อมต่อได้ร่วมกัน หากอุปกรณ์นั้นมีสัญลักษณ์ของ Matter [3]
ความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ต่างก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเองกลับกลายเป็นการส่งเสริมกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับทั้งบริษัทและลูกค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ โครงการดังกล่าวนี้ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานให้สามารถเลือกหาอุปกรณ์ที่ต้องการใช้โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสมาร์ทโฮมมีแนวโน้มที่จะเฟื่องฟูในอนาคตอีกด้วย [1]
ก่อนหน้านี้เราไม่มีทางนึกภาพ Siri ของ Apple ออกคำสั่งในการเปิดหรือปิดทีวีของ Amazon ได้ แต่ต่อจากนี้ไป เครื่องหมายของ Matter อาจปรากฏให้เห็นได้ทั่วไปไม่ต่างจากสัญลักษณ์ของบลูทูธหรือไวไฟ ไม่ว่านับจากนี้ ธุรกิจสมาร์ทโฮมจะกลับมาเฟื่องฟูและทำกำไรได้ดีดังที่ได้มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่ การจับมือกันครั้งนี้ก็ได้กลายเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่า ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเสมอไป [4]
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิง
[1] WSJ. (November 29, 2022). Matter: Why Apple, Amazon and Google are Working Together on Smart Home Tech. Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=H-lQdDF3rPw&ab_channel=DalvinBrown%7CWSJ
[2] Vena, N.M. (November 8, 2022). Is the Matter Smart Home Initiative Finally Happening?. Retrieved from https://www.technewsworld.com/story/is-the-matter-smart-home-initiative-finally-happening-177359.html
[3] matter-smarthome. (2022). FAQ – frequently asked questions about matter. Retrieved from https://matter-smarthome.de/en/matter-faq-en/#equipment
[4] Pitt, S. (November 25, 2022). It’s about to be way easier to make a smart home. Here’s what you need to know. Retrieved from https://www.cnbc.com/2022/11/25/amazon-apple-and-google-back-matter-a-new-tech-for-your-smart-home.html
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :