คุณค่าของความไว้ใจ อันตรายของการหักหลัง การหลอกลวงทำลายองค์กรได้อย่างไร

คุณค่าของความไว้ใจ อันตรายของการหักหลัง การหลอกลวงทำลายองค์กรได้อย่างไร

 

ความรู้สึกของการถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บแสบและฝังลึกในใจผู้ถูกกระทำได้มากที่สุด เมื่อการเชื่ออย่างสุดใจกลับได้ผลตอบแทนเป็นการหลอกลวง ในการดำเนินธุรกิจหรือองค์กรใดก็ตาม ผู้คนมักยึดถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ผู้ดำเนินกิจการต้องสร้างความเชื่อใจ ซื่อสัตย์ และรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อลูกค้าและผู้มีส่วนร่วมในกิจการ หากรักษาความศรัทธาไว้ได้ เส้นทางความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล แต่หากคำสัญญาเหล่านั้นเป็นเพียงคำลวง แรงสะท้อนจากความผิดหวังก็มีพลังมากพอจะสั่นสะเทือนองค์กรถึงขั้นพังทลาย ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอนำเสนอความสำคัญของการสร้างความไว้ใจ และอันตรายของการที่ธุรกิจหรือองค์กรไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญา ดังนี้ [1, 2, 3]

 

ความสำคัญของการสร้างความไว้ใจ

การสร้างความไว้วางใจมีพลังยิ่งกว่าการสั่งบังคับ คำสั่งและกฎเกณฑ์อาจทำให้ผู้คนจำนนชั่วครู่ชั่วคราว โดยยังมีความขัดแย้งข้างในใจที่รอวันปะทุ แต่การทำให้ผู้คนไว้ใจเป็นการสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ผู้คนยินยอมจากหัวใจ ไม่มีคำปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ในการทำงานร่วมกัน หากหน่วยงานหรือองค์กรใดทำให้ผู้ร่วมงานไว้วางใจต่อกันได้ การทำงานก็จะมีแต่ความราบรื่น แม้จะอยู่ภายใต้ความกดดันก็จะร่วมมือกันเพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ ในขณะเดียวกัน หากลูกค้ามีความเชื่อใจในธุรกิจ ธุรกิจก็จะไม่มีวันสูญเสียลูกค้าไปโดยง่าย ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความผันผวนใดก็ตาม

 

อันตรายของการไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญา

หากความไว้ใจนำมาซึ่งเส้นทางความสำเร็จที่ยืนยาว การหักหลังก็เป็นเหมือนดาบที่จะหั่นสะพานสู่ความก้าวหน้าให้ขาดสะบั้น บริษัทหรือองค์กรใดก็ตามที่ได้ชื่อว่าหักหลังผู้คนย่อมไม่เป็นที่ต้องการ และอาจได้รับโทษตามกฎหมาย รวมทั้งโทษจากการที่ผู้คนพร้อมใจกันหันหลังไม่สนับสนุนอีกต่อไป บริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหลายล้วนระมัดระวังไม่ให้การหักหลังหลอกลวงผู้บริโภคเกิดขึ้น และหากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อความเชื่อใจ ก็ต้องรีบสื่อสารให้ตรงจุด พร้อมแก้ไขสถานการณ์ในทันที

 

ตัวอย่างของการแก้ไขวิกฤตความไว้วางใจ

บริษัทใหญ่ ๆ มากมายล้วนเคยผ่านปัญหาด้านการหลอกลวงผู้บริโภค แต่สิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจ คือวิธีการรับมือจนผ่านพ้นวิกฤติ บริษัทที่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจะออกมายอมรับและปรับปรุงแก้ไขเสมอ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Olay เคยใช้รูปที่ผ่านการปรับแต่งมาโฆษณา เมื่อถูกทักท้วง ทางบริษัทก็ออกมาน้อมรับและเปลี่ยนไปใช้รูปที่ไม่ผ่านการปรับแต่งแทน หรือบริษัท Listerine เคยโฆษณาว่าน้ำยาบ้วนปากมีประสิทธิภาพเทียบเท่าไหมขัดฟัน เมื่อถูกแย้งว่าโฆษณาเกินจริง ทางบริษัทก็ออกมายอมรับความผิดพลาดและปรับคำโฆษณาใหม่ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ นอกจากการแก้ไขเพื่อเรียกศรัทธาจากผู้บริโภคแล้ว การแก้ไขวิกฤตเพื่อกู้ศรัทธาจากผู้ร่วมงานก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น บริษัท Uber ถูกร้องเรียนว่าไม่ได้ให้ค่าตอบแทนคนขับตรงตามกับคำโฆษณา ทางบริษัทจึงพิจารณารับฟังข้อเรียกร้องของเหล่าคนขับ และตกลงราคาใหม่ที่ทุกฝ่ายพอใจ

 

ในโลกของการแข่งขันอันเข้มข้น บริษัทต่าง ๆ มักจะต้องงัดกลยุทธ์ทุกทางเพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายชนะ การผิดคำสัญญา โฆษณาเกินจริง หรือการไม่สื่อสารกับผู้บริโภคอย่างชัดเจนจนนำมาซึ่งความเข้าใจผิดจึงอาจเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้ว บริษัทหรือองค์กรต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานมีความซื่อสัตย์มากเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนกลับมาไว้วางใจได้อีกครั้ง แต่หากองค์กรละเลยเพิกเฉยต่อเสียงสะท้อนของผู้คน คิดแต่การเล่นเกมที่ตนเองได้ผลประโยชน์สูงสุด แม้จะเป็นการหักหลังทำลายความไว้ใจของผู้ร่วมงานและผู้คนที่สนับสนุน ในไม่ช้า องค์กรนั้นก็จะเดินทางไปสู่จุดที่ล่มสลาย สัมผัสได้เพียงชัยชนะชั่วครู่ชั่วคราว แต่ต้องแลกมาด้วยการไม่ได้รับความเชื่อใจจากใครอีกต่อไป

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE

 

อ้างอิง
[1] Watson, D., Watson, D. The value of trust: The danger of betrayal – A case study approach to business gone bad. Secur J 26, 125–141 (2013). https://doi.org/10.1057/sj.2012.3
[2] Jamie Johnson. (February 21, 2023). The 7 Biggest Business Lies Ever Told. Retrieved from https://www.business.com/public-relations/business-lies
[3] Ty Haqqi. (December 20, 2019). 11 Companies That Caught Lying To The Public, Deceived Customers. Retrieved from https://finance.yahoo.com/news/11-companies-caught-lying-public-003658933.html

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ : 6 สิงหาคม 2023