ธุรกิจ

Disney ในวันที่สวนสนุกขาดทุน 400 ล้านแต่ยังอยู่ได้

Disney ในวันที่สวนสนุกขาดทุน 400 ล้านแต่ยังอยู่ได้

Disney ในวันที่สวนสนุกขาดทุน 400 ล้านแต่ยังอยู่ได้

 

Disney บริษัทที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะเจ้าของภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง Avengers หรือกระทั่ง Star Wars และแอนิเมชั่นอีกเพียบ รวมถึงเป็นเข้าของสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่มีอยู่หลายแห่งทั่วโลก

 

โดยสวนสนุกนั้นถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของบริษัท Walt Disney ก็ว่าได้ ในช่วงประมาณปี 2019 รายได้จากสวนสนุกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของรายได้รวมเลยทีเดียว

 

แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ โลกธุรกิจไม่ได้มีอะไรแน่นอนเสมอไป เพราะวิกฤต COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจน้อยใหญ่แบบยากที่จะหลีกเลี่ยง แม้แต่บริษัทใหญ่ระดับ Walt Disney ก็ยังหนีไม่พ้น

 

เพราะคนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ดั่งเดิม ทำให้รายได้จากธุรกิจสวนสนุกพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย จนส่งผลให้ไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา บริษัทมีผลขาดทุนในธุรกิจสวนสนุกกว่า 400 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

 

แต่น่าแปลกที่ในภาพรวมของบริษัท กลับยังสามารถทำกำไรได้กว่า 900 ล้านเหรียญ

 

บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสวนสนุก ไปเอากำไรมาจากไหนที่ไม่ได้เกี่ยวกับสวนสนุก หรือต่อให้มีภาพยนตร์ชั้นดีในมือ แล้วคนจะมาดูภาพยนตร์สักแค่ไหนกันเชียว?

 

 

 

โครงสร้างรายได้ของ Disney สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือ 1) รายได้จากธุรกิจสื่อ และ 2) รายได้จากธุรกิจสวนสนุก โรงแรม หรือการขายสินค้า

 

ในส่วนของธุรกิจสวนสนุก รายได้ในไตรมาสล่าสุดจะอยู่ที่ 3,173 ล้านเหรียญ ลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 5,660 ล้านเหรียญ ด้วยรายได้ที่ลดลงมากขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่ธุรกิจสวนสนุกจะมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นลบ

 

แต่รายได้จากธุรกิจสื่อ กลับไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่จากวิกฤต COVID-19 โดยรายได้จากธุรกิจสื่อในไตรมาสล่าสุดนั้นอยู่ที่ 12,440 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นนิดหน่อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12,365 ล้านเหรียญ

 

 

 

 

แล้วรายได้จากธุรกิจสื่อของ Disney มีอะไรบ้าง? ธุรกิจสื่อของ Disney สามารถแบ่งย่อยออกได้อีก 3 หมวด คือ

 

รายได้จาก linear network เช่น ช่อง Disney Channel, ESPN, National Geographic, สถานีโทรทัศน์ ABC ฯลฯ

 

รายได้จาก direct-to-customer เช่น ESPN+, หรือที่เราคุ้นหูกว่านั้นก็อย่างเช่น Disney+ ที่เตรียมเปิดให้บริการในไทยเร็วๆ นี้

 

รายได้จากการขายคอนเทนต์ หรือค่าลิขสิทธิ์ เป็นรายได้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภาพยนตร์หรือลิขสิทธิ์ต่างๆ

 

จากรายได้ทั้งสามหมวดนี้ มีเพียงแค่รายได้จาก direct-to-customer ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ด้วยความสามารถของบริษัทในการควบคุมค่าใช้จ่าย จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงานของรายได้ทั้งสามหมวดเพิ่มขึ้น โดยกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสื่อ เพิ่มขึ้นจาก 1,651 ล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 2,871 ล้านเหรียญในไตรมาสล่าสุด

 

ด้วยเหตุนี้เอง จึงส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทมีผลกำไรสุทธิทีเป็นบวกได้ 901 ล้านเหรียญ แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเท่าไหร่

 

 

 

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ รู้หรือไม่ว่ารายได้จากหมวด direct-to-customer ที่เป็นการให้บริการแก่ผู้บริโภคโดยตรงอย่างช่อง Disney+ และ ESPN+ สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทกว่า 3,999 ล้านเหรียญ สูงยิ่งกว่ารายได้จากธุรกิจสวนสนุกเสียอีก

 

โดยเฉพาะธุรกิจสตรีมมิ่งตัว Disney+ ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 100 ล้านคนเข้าไปแล้ว และนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าจะมีผู้ใช้บริการถึง 240 ล้านคนภายในปี 2024

 

จากข้อมูลล่าสุด ผู้ใช้บริการ Disney+ มีการจ่ายค่าสมาชิกเฉลี่ยเดือนละ 4 เหรียญ ลองคิดเล่นๆ ว่าหากในอนาคต Disney สามารถหาลูกค้าได้ถึง 240 ล้านคนจริงๆ ธุรกิจในหมวด direct-to-customer จะสามารถทำเงินได้มากขนาดไหน

 

นั่นเท่ากับว่า การที่ตอนนี้ Disney สามารถกลับมามีกำไรได้แม้ธุรกิจสวนสนุกจะยังขาดทุนอยู่ ก็เพราะการปรับตัวของบริษัทเพื่อแสวงหารายได้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

และผู้ที่ปรับตัวจะเป็นผู้อยู่รอดเสมอ

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE

 

พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์

 

รายการอ้างอิง

ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด : https://thewaltdisneycompany.com/app/uploads/2021/05/q2-fy21-earnings.pdf

Disney misses on subscriber expectations, parks revenue still hurt by Covid restrictions : https://www.cnbc.com/2021/05/13/disney-dis-q2-2021-earnings.html

How Disney Makes Money : https://www.investopedia.com/how-disney-makes-money-4799164

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน