สรุปข้อมูลบริษัท IHG : รู้หรือไม่ รายได้หลักของโรงแรมมาจากค่าธรรมเนียม

เวลาที่เราเข้าพักตามเครือโรงแรมใหญ่ ๆ เชื่อว่าหลายคนอาจเคยสงสัยกันบ้าง ว่าเจ้าของบริษัทเอาเงินจากไหนมาสร้างโรงแรมนับร้อยนับพันทั่วโลก

แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วเครือโรงแรมใหญ่ ๆ เหล่านั้นอาจไม่ต้องเป็นเจ้าของเองก็ได้ แต่ก็สามารถทำเงินได้เป็นพันล้านในทุก ๆ ปี

หนึ่งในนั้นคือ Intercontinental Hotels Group เครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของห้องพักกว่า 8 แสนห้องทั่วโลก

Intercontinental Hotels Group ปัจจุบันทำธุรกิจบริหารโรงแรมยักษ์ใหญ่ทั่วโลก โดยมีโรงแรมในเครือกว่า 5,900 แห่ง

แต่จุดเริ่มต้นของธุรกิจจริง ๆ นั้นมาจากบริษัทเบียร์ ซึ่งก่อตั้งโดย William Bass ตั้งแต่ปี 1777 ในประเทศอังกฤษ โดยเขาทำทั้งธุรกิจเบียร์และสถานบันเทิงเพื่อขายเบียร์ที่เขาผลิตขึ้นมาด้วย

จากนั้นอีกกว่าร้อยปี ในปี 1935 Bass ก็ได้เปลี่ยนสภาพจากบริษัททั่วไปเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ที่อีกฟากหนึ่งของโลก เครือโรงแรม Intercontinental และ Holiday Inn ก็กำลังสร้างชื่อเสียงขึ้นมาอย่างช้า ๆ

โรงแรม Intercontinental ก่อตั้งโดย Juan Trippe ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสายการบิน Pan American เช่นกัน เป้าหมายของเขาก็คืออยากให้ผู้โดยสารที่เดินทางกับเขา มีที่พักสุดหรูไว้พักผ่อนเวลาถึงจุดหมายปลายทางในแต่ละรัฐหรือแต่ละประเทศ

ส่วน Holiday Inn ก่อตั้งโดยนักธุรกิจ Kemmons Wilson ในปี 1952 ที่อยากให้ครอบครัวมีโรงแรมที่มีคุณภาพไว้พักผ่อนหย่อนใจเวลาท่องเที่ยว และในภายหลัง Holiday Inn ก็กลายเป็นโรงแรมที่ดำเนินธุรกิจแบบแฟรนไชส์เป็นบริษัทแรก

แล้วทั้ง Holiday Inn กับ Intercontinental มาเกี่ยวข้องกับ Bass ซึ่งทำเบียร์ขายได้ยังไง?

เหตุผลก็คือ ในปี 1988 รัฐบาลอังกฤษเริ่มจำกัดจำนวนสถานบันเทิงที่บริษัทเครื่องดื่มเป็นเจ้าของ นั่นแปลว่ามันกระทบต่อธุรกิจของ Bass เต็ม ๆ บริษัทจึงเริ่มให้ความสนใจกับธุรกิจโรงแรมมากขึ้น

ในปีเดียวกันนั้นเอง Bass ก็ได้ควบรวมกิจการกับ Holiday Inn ที่ในช่วงเวลานั้นมีห้องพักอยู่แล้วมากกว่า 2 แสนห้อง และพอถึงปี 1998 Intercontinental ก็ขายธุรกิจให้กับกลุ่ม Bass เช่นกัน

จากนั้นในปี 2000 Bass ก็ขายธุรกิจเครื่องดื่มของตัวเองทั้งหมดให้กับบริษัทเครื่องดื่มสัญชาติเบลเยี่ยม และกลายเป็นธุรกิจโรงแรมเต็มตัวนับแต่นั้นมา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Intercontinental Hotels Group ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้

งบการเงิน IHG

ปี 2017
รายได้ 1,784 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 1,192 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 592 ล้านเหรียญ

ปี 2018
รายได้ 4,337 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 3,986 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 351 ล้านเหรียญ

ปี 2019
รายได้ 4,627 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 4,242 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 385 ล้านเหรียญ

ในปัจจุบัน โรงแรมภายใต้เครือ IHG มีทั้ง Intercontinental, Holiday Inn, Crowne Plaza และอื่น ๆ อีกเพียบ

สิ่งที่หลายคนอาจสงสัยคือ บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมมากมาย แล้วเอาเงินจากไหนมาสร้างตึก การสร้างโรงแรมกว่า 5,900 แห่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

คำตอบก็คือ IHG ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมเองทั้งหมด รายได้กว่า 70% ของ IHG นั้นมาจาก “ค่าธรรมเนียม”

ตัวอย่างเช่น สมมติมีโรงแรมแห่งหนึ่งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำการตลาดอย่างไรดี โรงแรมดังกล่าวจะมีทางเลือกอยู่สองทาง

หนึ่ง ทำการตลาดเอง ปั้นแบรนด์เอง โปรโมทเอง จัดการระบบเอง แน่นอนว่าเมื่อทำทุกอย่างเอง เงินก็เข้ากระเป๋าเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่จะเหนื่อยหน่อย

กับอีกทางหนึ่งคือ ติดต่อไปที่เครือ IHG เพื่อขอเป็นหนึ่งในโรงแรมภายใต้เครือบริษัท แล้ว IHG จะเข้ามาดูแลระบบแทน โดยเฉพาะเรื่องการตลาด พร้อมกับเปลี่ยนชื่อโรงแรมเราให้เป็นหนึ่งในเครือของ IHG

นั่นแปลว่า ลูกค้ามีโอกาสที่จะรู้จักโรงแรมได้มากกว่าหากใช้ชื่ออย่าง Holiday Inn แทนที่จะเป็นโรงแรมชื่อสมชายและสมหญิง และแน่นอน ทาง IHG ก็จะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมด้วย

ซึ่งจากงบการเงินล่าสุด ในปี 2019 IHG มีรายได้รวมถึงกว่า 4,600 ล้านเหรียญ กำไรอีกกว่า 385 ล้าน พร้อมกับมูลค่ากิจการเกือบ 10,000 ล้านเหรียญ

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า IHG จะเป็นบริษัทไร้พ่าย จริงอยู่ว่าชื่อแบรนด์โรงแรมในเครือจะมีฐานลูกค้าเหนียวแน่น แต่คู่แข่งในวงการนี้ก็ดุไม่น้อย

IHG นั้น ยังมีคู่แข่งรายใหญ่อีก 5-6 ราย ทั้ง Hilton และ Marriott ซึ่งพร้อมจะแย่งชิงลูกค้าตลอดเวลา

รวมถึงตัวสภาพอุตสาหกรรมเอง ที่โรงแรมทั่วโลกนั้นไม่ได้มีแต่เครือของบริษัทยักษ์ใหญ่ ยังมีโรงแรมท้องถิ่นอีกมากที่ทำการตลาดได้ดีไม่แพ้ IHG หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ มีคู่แข่งที่พร้อมมาท้าทายได้ทุกเมื่อ แม้จะเป็นคู่แข่งรายเล็ก แต่คู่แข่งหลาย ๆ เจ้ารวมกันก็อาจทำให้รายได้หายไปไม่น้อย

และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในปีนี้ ก็คือ COVID-19 ที่ในช่วงหนักสุดนั้นจำนวนจองห้องพักของ IHG หายไปกว่า 90% จนผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2020 มีผลขาดทุนเกือบ 300 ล้านเหรียญ

แต่โชคยังดี ที่ตอนนี้จำนวนผู้เข้าพักค่อย ๆ ฟื้นตัวากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศของแต่ละประเทศ

แต่ตราบใดที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ตามปกติ IHG และบริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน คงต้องลำบากไปอีกนาน