SFM – Sprouts Farmers Markets ร้านสะดวกซื้อของคนสายคลีน
1 ในข้อดีสำหรับประเทศที่มีขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาก็คือการมีระบบนิเวศของประชากรที่หลากหลาย และด้วยการมีความหลากหลายนี้เองจึงทำให้เกิดร้านสะดวกซื้อเฉพาะทางขึ้นมาเพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ ที่สำคัญคือปริมาณลูกค้าที่มาซื้อนี้เองก็มากพอที่จะ Breakeven ทำให้บริษัทอยู่รอดได้เช่นกัน
บทความนี้จะขอนำเสนอบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีกธรรมดา ๆ เจ้าหนึ่ง แต่อยู่ในตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งรายล้อมไปด้วยหุ้นไฮเทค บริษัทที่ว่านี้คือ Sprouts Farmers Markets ร้านสะดวกซื้อที่เน้นขายเฉพาะสินค้าจำพวกผักผลไม้ ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ สาย Healthy โดยเฉพาะ ภายในร้านออกแบบมาให้ได้อารมณ์การได้เลือกซื้อผักสด ๆ เหมือนซื้อจากเจ้าของฟาร์มโดยตรง และมีสินค้าเกี่ยวเนื่องที่คนรักสุขภาพอดใจไม่ไหวรวบรวมไว้ในที่เดียว
โดยปัจจุบันบริษัทมีหน้าร้านกว่า 374 ร้านครอบคลุม 23 รัฐทั่วประเทศ โดยมีสาขาที่ California มากที่สุดโดยมีจำนวนกว่า 128 สาขา ตามมาด้วย Texas และ Arizona ที่ 47 และ 43 สาขาตามลำดับ ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังเจาะตลาดในแถบ California และ Texas อย่างแข็งขัน รวมถึงดำเนินการเปิด Distribution Center ให้ครอบครุมอบ่างสม่ำเสมอเป็นการลดรายจ่ายจากการเดินทางในระยะยาว
สำหรับตัวเลขการเงินย้อนหลังของบริษัทมีดังต่อไปนี้
ปี 2015
บริษัทมีรายได้ 3.59 พันล้านเหรียญ
มีกำไรขั้นต้น 982.29 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 27.34%)
มีกำไรสุทธิที่ 128.99 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.59 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 17.1%
ปี 2016
บริษัทมีรายได้ 4.05 พันล้านเหรียญ (รายได้เติบโต 12.62 %)
มีกำไรขั้นต้น 1.10 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 27.22%)
มีกำไรสุทธิที่ 124.31 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.07 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 16.62%
ปี 2017
บริษัทมีรายได้ 4.66 พันล้านเหรียญ (รายได้เติบโต 15.28%)
มีกำไรขั้นต้น 1.47 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 31.57%)
มีกำไรสุทธิที่ 158.44 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.40 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 24.35%
ปี 2018
บริษัทมีรายได้ 5.21 พันล้านเหรียญ (รายได้เติบโต 11.63%)
มีกำไรขั้นต้น 1.64 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 31.48%)
มีกำไรสุทธิที่ 158.54 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.04 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 25.57%
ปี 2019
บริษัทมีรายได้ 5.63 พันล้านเหรียญ (รายได้เติบโต 8.21%)
มีกำไรขั้นต้น 1.77 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 31.49%)
มีกำไรสุทธิที่ 149.63 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 2.66 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 25.55%
ปี 2020
บริษัทมีรายได้ 6.47 พันล้านเหรียญ (รายได้เติบโต 14.80%)
มีกำไรขั้นต้น 2.26 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 34.86%)
มีกำไรสุทธิที่ 287.45 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.44 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 39.29%
ปี 2021
บริษัทมีรายได้ 6.10 พันล้านเหรียญ (รายได้หดตัว -5.7 %)
มีกำไรขั้นต้น 2.09 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 34.21%)
มีกำไรสุทธิที่ 244.16 ล้านเหรียญ (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.00 %)
สร้างผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 26.52%
สำหรับกลยุทธ์ในการเติบโตของบริษัท ในทางตรงบริษัทจะขยายสาขาร้านไปในพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพในด้านกำลังซื้อเป็นทุนเดิม กอปรกับ Lean ขนาดร้านให้มีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งการคัดเลือกสินค้ามาวางนั้นจะใช้ Data Analytic มาใช้เพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงจุดมากที่สุด รวมถึงการสร้าง Supply Chain กับเหล่าบรรดาเกษตรกรรอบนอกนั้นเพื่อที่ให้ได้สินค้าทางการเกษตรมาเติมสาขาให้ได้รวดเร็ว รวมถึงลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยคำนวณสต็อกสินค้าหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ส่วนกลยุทธ์ทางอ้อม ตอนนี้บริษัทจะเน้นไปที่การออกสินค้าจำพวก House Brand ของตัวเองออกมาให้มากขึ้น เพื่อที่จะสามารถชาร์จ Margin ให้ได้มากกว่าที่นำเข้าสินค้าอื่นชนิดเดียวกัน การจัด Product Mix ต่อมาคือเป็นบริการซื้อสินค้าออนไลน์ซึ่งลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อได้ผ่านทางแอปโทรศัพท์ และมารับสินค้าได้เองที่ร้าน ซึ่งช่วยประหยัดระยะเวลาในการเลือกซื้อสินค้าและลดอาการแออัดในร้านสะดวกซื้อ กอปรกับการทำโปรโมชั่นผ่านทางโทรศัพท์นี้เองก็มีลูกเล่นด้าน Marketing ที่หลากหลายด้วย
กลยุทธ์ทั้งหลายนี้ก็นำมาสู่เป้าหมายที่บริษัทต้องการทำไว้ นั่นคือการเพิ่มยอดขายให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แพ้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และรักษาระดับการเติบโตของกำไรให้ได้ 2 หลักต่อปี รวมถึงการสร้างงบกระแสเงินสดให้มี Free Cash Flow อย่างสม่ำเสมอ
และด้วยการที่บริษัทมี Free Cash Flow อย่างสม่ำเสมอนี้ บริษัทเองก็ได้ใช้ไปกับการซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น รวมถึงจ่ายหนี้ที่มีภาระผูกพันเพื่อลดต้นทุนการเงินในอนาคตด้วย
หลังจากฟังเรื่องดี ๆ มาแล้ว ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าบริษัทเอง อยู่ในตลาดที่ Red Ocean มาก ๆ มีคู่แข่งที่เป็นรายใหญ่อย่างทาง Whole Food หรือ Trader Joe’s ซึ่งมีสาขาที่มากกว่าคอยแย่งลูกค้าได้ รวมถึงมี Infrastructure ที่ครอบคลุมกว่า ถึงอย่างนั้นแล้วธุรกิจประเภทนี้เองก็มีแผลเดียวกัน คือความบอบช้ำในเรื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวน รวมถึงต้นทุนทางตรงอย่างค่าน้ำมันจากรายจ่ายด้านการขนส่งอีกด้วย ซึ่งปัจจัยลบทั้งหลายนี้ส่งผลให้บริษัทอาจมีกำไรที่บรรทัดสุดท้ายแกว่งไปได้
แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแก้เกมของบริษัทเอง ว่าจะสามารถรับมือกับปัญหาเรื่องต้นทุนเกินเลยนี้ได้อย่างไรบ้าง วิธีคลาสสิคที่ใช้กันคงหนีไม่พ้นการปรับสูตรสินค้าให้มีสัดส่วนที่พอทำกำไรได้ (ซึ่งอาจแลกมากับความ Royalty ว่าลูกค้าจะจับได้ไหมหากมีการปรับนิดปรับหน่อยนี้) กับอีกวิธีหนึ่งก็คือการ Hedging ราคาสินค้าเกี่ยวเนื่องที่ทางร้านได้ซื้อขายเป็นประจำ ในกรณีนี้อาจเป็นเรื่องของน้ำมันจากค่าขนส่ง ตรงนี้บริษัทเองอาจพิจารณาดูว่าราคาน้ำมัน ณ ราคาไหนที่บริษัทพอจะ Breakeven ได้ หากราคาไม่เกินไปกว่านั้นบริษัทอาจใช้กลยุทธ์ Long ราคาน้ำมันก่อนก็ได้ครับในสัดส่วนเทียบเท่ารายจ่าย หากราคาขึ้นไปตามจริงสัดส่วนของราคาที่เพิ่มไปนี้จะช่วยไปก็อาจเลี่ยงวิกฤติระยะสั้นนี้ไปได้
ทั้งนี้ บริษัทอาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้ โดยการถ่ายความเสี่ยงด้านต้นทุนพวกนี้ผ่านไปทางผู้บริโภคผ่านการ Bypass รายจ่ายไปที่ราคาสินค้าตามป้ายที่แปะเลย หากบริษัทนั้นมี Brand Loyalty ที่ดีลูกค้าเองก็อาจยินยอมจ่าย
โดยในช่วงเวลาที่สินค้าราคาแพงโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เพิ่มมากว่า 50% ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ จะเป็นช่วงเวลาวัดคุณภาพความสามารถของทีมบริหารว่าเขาจะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ไหม และสามารถแก้ไขเรื่องราคานี้ได้อย่างไร แต่ผลสุดท้ายที่จะเห็นแน่ ๆ จะอยู่ที่ตรงบรรทัด Margin นั่นเองว่ายังสามารถรักษาความต่อเนื่องได้หรือไม่
ส่วนอนาคตของบริษัทเองก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน ในยุคสมัยที่จำนวนคนรักสุขภาพรวมถึงชาว Vegan มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น บริษัทเองก็วางตัวเองในจุดที่สร้างความโดดเด่นได้อย่างดี รวมถึงกระแส Food waste และ ESG บริษัทก็ได้สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองได้อย่างดีจนได้เรตติง AAA จาก MSCI ในด้าน ESG อีกด้วย
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิง
https://www.tradingview.com/symbols/NASDAQ-SFM/financials-income-statement/
https://investors.sprouts.com/investor-home/default.aspx
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :