THAI ขาดทุนแสนล้านครั้งนี้ช่างน่ากลัว
ในการทำธุรกิจ ไม่มีใครชอบให้ธุรกิจที่ตัวเองทำอยู่มีผลขาดทุน
แต่ถึงแม้จะขาดทุนก็ยังไม่ใช่เรื่องน่าห่วงนัก เพราะการที่กิจการสักแห่งจะขาดทุนบางครั้งยังอาจไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ตราบใดที่เงินสดยังมี และ “ส่วนทุน” ยังเป็นบวกอยู่ นั่นแปลว่าบริษัทยังมีเงินทุนที่เป็นทุนจริง ๆ ไว้ใช้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้
แต่อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าส่วนทุนที่ว่านี้หายไป หรือถึงขั้นติดลบ? เพราะนั่นหมายถึงบริษัทนั้นมีแต่หนี้ล้วน ๆ
และสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับการบินไทย ในวันที่ขาดทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท
THAI หรือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะรู้กันว่ามีผลขาดทุนในแต่ละปีสูงมาก บางปีอาจจะพอมีกำไร แต่ส่วนใหญ่แล้วผลขาดทุนจะสูงเป็นหมื่น ๆ ล้านบาท
ใช่ว่าการบินไทยจะไม่มีลูกค้าเลย บริษัทยังคงมีผู้โดยสารเดินทางอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่ด้วยสภาพของธุรกิจสายการบิน ที่ราคาตั๋วเครื่องบินนั้นต้องแข่งกันให้ต่ำที่สุด สวนทางกับต้นทุนในการทำธุรกิจที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าพนักงาน ค่าเครื่องบิน จึงไม่แปลกถ้าการบินไทยและบริษัทอื่น ๆ จะขาดทุน
ที่ผ่านมา ทั้งการบินไทยและบริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่างมองหาช่องทางการเพิ่มรายได้อื่นเข้ามาเสมอ อย่างการขายอาหารบนเครื่องบิน หรือบริการเสริมต่าง ๆ อย่างการส่งพัสดุ นั่นก็พอช่วยให้บริษัทได้เงินเพิ่มเข้ามาบ้าง
แต่สำหรับปี 2563 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างจัง นั่นคือเรื่องของ COVID-19
ในช่วงเวลาปกติ แม้การบินไทยจะขาดทุน แต่อย่างน้อยก็ยังมีรายได้ปีละนับแสนล้านบาท และการมีรายได้ก็แปลว่ายังมีลูกค้าที่พร้อมจะใช้บริการอยู่
แต่ในปี 2563 รายได้ของบริษัทลดลงจาก 188,954 ล้านบาทในปี 2562 มาอยู่ที่เพียง 48,637 ล้านบาท รายได้หายไปกว่า 75% ส่วนผลกำไรขาดทุนของบริษัท จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 12,016 ล้านบาท ในปี 2563 บริษัทมีผลขาดทุนที่สูงถึง 141,180 ล้านบาทเลยทีเดียว
หากเป็นวิกฤตอื่น ๆ แบบในอดีตที่ผ่านมา อย่างเหตุการณ์ทางการเมือง หรือวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก ผู้โดยสารอาจลดลงนิดหน่อยก่อนที่จะฟื้นกลับมาได้ปกติ (สุดท้ายคนก็ต้องเดินทาง) แต่ COVID-19 แทบจะทำให้ธุรกิจการบินกลายเป็นอัมพาต เพราะประชาชนไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้เหมือนเดิม ทั้งรายได้และผลกำไรของบริษัทจึงออกมาอย่างทีเห็น
นอกจากนั้น สิ่งที่น่ากังวลคือการบินไทยมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบกว่า 128,665 ล้านบาท เนื่องจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปีล่าสุด
โดยทั่วไปแล้ว สินทรัพย์ของบริษัทจะประกอบด้วย หนี้สิน + ส่วนของผู้ถือหุ้น บริษัทแต่ละแห่งอาจมีหนี้มากน้อยต่างกันไป แต่ทุกแห่งจะพยายามทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกเสมอ เพราะนี่คือ “ส่วนของผู้ถือหุ้น” ที่เป็นของนักลงทุนและเจ้าของที่เอามาลงทุนในกิจการ
แต่การที่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ หมายความว่าการดำเนินธุรกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมีผลขาดทุน มากเสียจนกินเงินทุนในส่วนที่เป็นทุนจริง ๆ หายไปเสียสิ้น หรือพูดอีกอย่างคือ หากนำสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีไปขายทอดตลาด ก็ยังได้เงินมาไม่พอเพื่อจ่ายหนี้
ด้วยเหตุนี้เอง ในวันที่งบการเงินประจำปี 2563 ของ THAI ถูกเผยแพร่ออกมา หุ้นของ THAI จึงถูกพักการซื้อขายชั่วคราวเนื่องจากผลประกอบการในงวดล่าสุดนี้อาจส่งผลต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP ว่าหุ้นของบริษัทอาจเข้าข่ายถูกเพิกถอน
หากเป็นวิกฤตทั่วไป ผลขาดทุนที่เกิดอาจเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวที่เดี๋ยวรายได้และผลกำไรก็ฟื้นตัว แต่ผลขาดทุนกว่า 1.4 แสนล้านครั้งนี้ + วิกฤต COVID-19 อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่นักลงทุนทุกคนต้องจับตา
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิงข้อมูล:
งบการเงิน THAI : https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=16142029139173&language=th&country=TH
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :