ฝันสลายในบ้านที่สร้างไม่เสร็จ เศรษฐกิจของจีนพังเพราะอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร

ฝันสลายในบ้านที่สร้างไม่เสร็จ เศรษฐกิจของจีนพังเพราะอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร

วิกฤตในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นประเด็นร้อนที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วโลกมาระยะหนึ่งแล้ว และยิ่งเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเมื่อบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของจีนอย่างเอเวอร์แกรนด์กำลังประกาศยื่นขอล้มละลายในสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ โดยในช่วงปี ค.ศ. 2021-2022 บริษัทเสียหายมากถึง 112 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นมูลค่าที่สูงกว่ากำไรของบริษัทที่เคยมีมาทั้งหมดรวมกันนับแต่ก่อตั้งบริษัทในปี ค.ศ. 1996 ข่าวดังกล่าวยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศและเหล่านักลงทุนทั่วโลก ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอพาทุกท่านไปสำรวจความเสียหายของเศรษฐกิจจีนที่เกิดจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ [1, 2, 3, 4]

บ้านที่สร้างไม่เสร็จ ความฝันของคนตัวเล็กที่แหลกสลาย

ไม่เพียงแต่เอเวอร์แกรนด์ที่ล้มละลาย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในจีนมากมายก็ประสบปัญหาอย่างหนักเช่นเดียวกัน บริษัทเหล่านี้ได้ปล่อยตึกอพาร์ตเมนท์ที่สร้างไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทิ้งร้างไว้โดยไม่มีการสร้างต่อ และไม่มีการคืนเงินผู้ซื้อ แม้ว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง บริษัทก็ไม่มีการคืนเงิน เพราะผลกระทบจากการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้บริษัทไม่อาจฟื้นตัวได้ วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ชาวจีนมากมายที่ใฝ่ฝันจะมีบ้าน และลงทุนออกเงินจองอพาร์ตเมนท์ไปแล้วต้องขมขื่นกับฝันที่แหลกสลาย ชาวจีนบางส่วนต้องเข้าไปอยู่ในห้องที่จองไว้ทั้งที่ยังสร้างไม่เสร็จ

ที่เลวร้ายกว่านั้น ในวัฒนธรรมจีน การมีบ้านนับเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการแต่งงาน ชายชาวจีนจึงประสบกับปัญหาอสังหาริมทรัพย์จึงต้องเผชิญกับปัญหาในการแต่งงานตามไปด้วย และผู้ที่ชอกช้ำที่สุดก็หนีไม่พ้นเหล่าผู้คนวัยเกษียณที่ทุ่มเทนำเงินเก็บก้อนสุดท้ายมาลงทุนซื้อบ้านให้ลูกหลาน เพราะต้องการให้คนในตระกูลได้มีหลักฐานมั่นคง และมีชีวิตครอบครัวที่ดี แต่กลับต้องอยู่กับป้ายคำโฆษณาเชิญชวนถึงบ้านที่อบอุ่นที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง และทิ้งให้ลูกหลานต้องจ่ายค่าภาษีมรดกทั้งที่บ้านไม่เคยสร้างเสร็จ

อนาคตของเศรษฐกิจจีนท่ามกลางวิกฤตอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีส่วนสำคัญต่อ GDP ของประเทศอยู่ในอันดับที่ 5 ดังนั้น เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะงักงัน เศรษฐกิจของจีนโดยรวมก็ถูกฉุดลงไปด้วยเช่นกัน จากสถิติในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยอดการซื้อขายบ้านลดต่ำลงร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา บรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ล้วนต้องเผชิญกับความไม่เชื่อใจของผู้ซื้อบ้านรายใหม่ที่กังวลว่าตนเองจะตกเป็นเหยื่อ ธุรกิจทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้าน การซื้อขาย การเช่าบ้าน ล้วนต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากร่วมกันทั้งหมด ในขณะที่นักลงทุนจากต่างชาติก็ระแวดระวังการลงทุนในจีนมากขึ้น และยังคอยจับตาดูกันต่อไปว่าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นโดมิโนตัวแรกที่ล้มเศรษฐกิจของจีนให้ร่วงลงหรือไม่

เศรษฐกิจของจีนที่เสียหายจากอสังหาริมทรัพย์ยังมีผลกระทบอีกมากมายที่ยากจะคาดเดา เมื่อจีนเป็นชาติมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หากจีนล้ม ย่อมหมายความว่าประเทศทั้งหลายที่พึ่งพาจีนอยู่ก็จะล้มลงตามไปด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ คงเป็นการด่วนสรุปจนเกินไป หากจะมองว่าเศรษฐกิจของจีนจะพังลงอย่างไม่มีทางกู้คืนกลับ จากนี้ไปเราคงได้แต่จับตาดูกันต่อไปว่าจีนจะแก้วิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้อย่างไร และจะกู้ศรัทธาจากประชาชนนับแสนรายที่เดือดร้อนจากบ้านที่ไม่เคยสร้างเสร็จเหล่านี้อย่างไร