Coup d’etat เหตุการณ์ทางการเมือง กระทบเศรษฐกิจอย่างไร

เหตุการณ์ทางการเมืองในประวัติศาสตร์โลกนั้น เราจะเห็นได้ว่าจะมีจุดเด่นและจุดด้อยของเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบมายังสถานการณ์ของโลกในปัจจุบันเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นวงกว้างของนักประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ประชาชนที่ต้องมีชีวิตภายหลังเหตุการณ์นั้น ที่เริ่มมีทัศนคติที่แตกต่างกันออกไปต่อเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นอยู่โดยทั่วไป และหนึ่งในเรื่องที่มีการพูดถึงอยู่เป็นจำนวนมาก ก็คือ การ Coup d’etat นั่นเอง

Coup d’etat หรือการรัฐประหาร คือเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีสาเหตุมาจากความไม่พอใจรัฐบาลของประเทศในขณะนั้น ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการปกครองที่ไม่มีความมั่นคง ปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือจะเป็นการเกิดความไม่สงบที่ส่งผลทำให้เกิดคำถามต่อการปกครองของรัฐบาล จนส่งผลทำให้มีกองกำลังมากมายต่างเข้ามายึดอำนาจรัฐบาลดังกล่าว เพื่อขึ้นมาปกครองอำนาจดังกล่าวนั้นด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นสามารถที่จะเห็นได้จากทั่วทุกมุมโลก อย่างเช่นในปี ค.ศ. 2021-2022 ที่เราจะเห็นการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า กินี หรือแม้แต่บูร์กินาฟาโซ ที่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารถึง 2 ครั้ง แบบหัวปีท้ายปีกันเลยทีเดียว

โดยสำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ส่วนใหญ่ก็มักจะส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการแก้หรือฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อทำการดัดแปลงแก้ไข ให้เป็นไปตามที่กลุ่มกองกำลังที่สามารถทำรัฐประหารได้ต้องการ รวมไปถึงการประณามการกระทำของรัฐบาลชุดก่อนที่ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มักจะทำให้เกิดคนที่พอใจในการกระทำของกองกำลังนั้น และกลุ่มที่ไม่พอใจกลุ่มกองกำลัง ที่ได้กระทำการอันอุกอาจ และไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวนั้นจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อประเทศอย่างไร ต้องดูกันที่ผลลัพธ์ระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มักจะออกมาไม่ดีเป็นส่วนใหญ่

อย่างเช่น ภายในพม่า ที่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในปี ค.ศ. 2021 ที่ส่งผลทำให้รัฐบาลทหารได้ขึ้นมาปกครองแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1960 ที่ส่งผลทำให้ประชาชนที่ใช้ชีวิตภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีความเสรีมากขึ้นในก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะในช่วงปี ค.ศ. 2015-2020 ที่เป็นช่วงที่พรรค NLD ของ อองซาน ซู จี ขึ้นมามีอำนาจนั่นเอง และเพราะการเกิดรัฐประหารนี้ จึงส่งผลทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ จนทำให้เกิดการปราบปรามแบบรุนแรง นั่นจึงทำให้รัฐบาลพม่าถูกเพ่งเล็งในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ที่ส่งผลทำให้นักลงทุนมากมายจากต่างประเทศเริ่มถอยออกไป จนทำให้เศรษฐกิจของพม่าเริ่มมีปัญหา จนส่งผลทำให้เกิดนโยบายลอยตัวค่าเงินในเวลาต่อมา

หรือจะเป็นในซูดาน ที่เกิดรัฐประหารในปีเดียวกับในพม่า ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในทางการเมือง อันเป็นผลมาจากวิกฤตทางการเมืองของซูดานที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ของการรัฐประหารภายในซูดานในปี ค.ศ. 2021 คือ การต่อต้านรัฐบาลจากประชาชน ที่ส่งผลทำให้เกิดการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ทั้งจาก African Union รวมไปถึงนานาชาติ

ส่งผลทำให้ซูดานเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่ลดลงถึง 85% อันเป็นผลมาจากการประท้วงของประชาชน ที่พยายามจำกัดการส่งออกเพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาล นอกจากนี้ทางรัฐบาลดังกล่าวยังมีแผนที่จะเพิ่มรายได้จากภาษีและจากการขายสินค้าและบริการ โดยไม่พยายามพึ่งพาจากต่างประเทศ ซึ่งก็ยิ่งส่งผลทำให้เกิดปัญหาในเรื่องปากท้องของประชาชนในเวลาต่อมา

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร หรือ Coup d’etat ที่ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อประชาธิปไตย ที่ส่งผลทำให้สิทธิของประชาชนถูกลิดรอน ถึงแม้ว่าจะมีบางเหตุการณ์การรัฐประหาร ที่พยายามจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์แบบเสรีนิยมมากยิ่งขึ้น เช่น อิหร่าน ในปี ค.ศ. 1951 แต่ด้วยการขัดสิทธิมนุษยชน ความเป็นเผด็จการของผู้ปกครอง และปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น จึงส่งผลทำให้อิหร่านต้องเจอกับการประท้วงครั้งใหญ่ และนำไปสู่การปฏิวัติในที่สุด