Green trade การค้าสีเขียวทางออกของเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อม
ถึงแม้จะต้องเผชิญกับสภาวะการชะงักตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด19 แต่ด้วยแรงหนุนของความต้องการทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจโลกก้าวเข้าสู่จุดใหม่ในปี ค.ศ. 2022 โดยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจทะลุถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์ ปริมาณการค้าโลก มีการเติบโตราว 4,300 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ถึง ค.ศ. 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 4 ในทุก ๆ ปี
การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และการค้าระหว่างประเทศ เชื่อมโยงกับกลไกที่เรียกว่า สนธิสัญญาการค้าเสรี ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 เมื่อรัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ เริ่มยอมรับนโยบาย ที่ให้ความสำคัญกับการลดอุปสรรคทางการค้า อย่างภาษีศุลกากร
ข้อตกลงการค้าเสรี และสนธิสัญญาการลงทุนทวิภาคี เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนข้อกำหนดทางกฎหมาย และความมั่นคงทางด้านเงินทุน แต่ไม่มุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน หรือสิทธิสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันอันที่จริง ท่ามกลางปัญหามากมาย ที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของการค้าโลก คือความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของมลพิษทางบก อากาศและน้ำ โดยเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกยกขึ้นมาจับตามองมากที่สุด คือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุหลัก ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
ความเร่งด่วนของความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม กําลังผลักดันให้เกิดการคิดใหม่ เกี่ยวกับเครือข่ายการผลิตและการบริโภค ความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน กําลังได้รับความสนใจจากการค้ากระแสหลัก ทำให้หลายฝ่าย เริ่มหันมาสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย เกิดเป็นแนวคิดการค้าสีเขียวหรือ Green Trade ขึ้น โดย UNEP ได้กล่าวว่าหากต้องการให้ Green trade เดินหน้าจะต้องมีการดำเนินการที่มุ่งเน้นวาระสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อมดังนี้
– เสริมสร้างนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
– ควบคุมนโยบายการค้า เพื่อจูงใจและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสีเขียว
– ลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม จากนโยบายการค้าและการค้าระหว่างประเทศ
– สนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน ระหว่างประเทศให้เกิดความยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรมต่อสิ่งแวดล้อม
– มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ของประเทศกําลังพัฒนา และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม
– เสริมสร้างความสอดคล้องของนโยบายการค้าระดับชาติ กับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน
– สนับสนุนกระบวนการกำหนดนโยบายการค้า ที่เป็นประชาธิปไตย โปร่งใส และตรวจสอบได้
โดยเมื่อไม่นานมานี้ แต่ละประเทศก็ได้พยายามสร้างนโยบาย มาตรการ และข้อตกลงทางการค้าที่เน้นไปถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์ CBAM หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism ซึ่งเป็นมาตรการปรับราคาคาร์บอน ก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป โดยกำหนดราคาสินค้านำเข้า 5 กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการปล่อยคาร์บอนสูง ได้แก่ ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า กระแสไฟฟ้า ปุ๋ย และอะลูมิเนียม
Green Trade จะประสบความสำเร็จและเป็นจริงได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งแนวคิดนี้จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
https://www.weforum.org/projects/trade-climate-change-sustainability
https://www.unep.org/resources/publication/greening-international-trade
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :