ไลฟ์สไตล์

Swensen’s VS After You ใครไสน้ำแข็งอร่อยกว่ากัน?

swensen's

หลังจากที่ After You หรือ AU ทำน้ำแข็งไส (คาคิโกริ) ออกมาขายจนกลายเป็นกระแสน้ำแข็งไสฟีเวอร์ ร้านขนมหวานหันมาทำน้ำแข็งไสสไตล์นี้ขายกันทั่วทุกสารทิศ ผ่านไปร่วม 3 ปี Swensen’s ยักษ์ใหญ่ เจ้าตลาดไอติมในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในเครือ MINT ก็ขยับหันมาทำน้ำแข็งไส หรือบิงชูขายบ้าง เรียกว่างานนี้เป็นอะไรที่สนุกสำหรับผู้บริโภคมาก เพราะความอร่อยไม่เข้าใครออกใคร แต่ถ้าเข้ามากไปก็อาจต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะน้ำตาลในเลือดสูงได้ (หยอก)

 

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง AU : ถอดรหัส After You จากรักสู่หมื่นล้าน

 

เราไปชิมกันดีกว่าว่าเจ้าไหนอร่อยกว่ากัน !

 

ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าบทความนี้จะพูดถึงรสชาติอาหารและมุมมองของผู้บริโภคล้วนๆ ส่วนความรู้ด้านการลงทุน งบการเงิน อะไรเหล่านั้นพับขึ้นหิ้งไปก่อน วิเคราะห์หุ้นขนมหวานอยากแรกที่ต้องทำคือ กิน กิน กิน แล้วก็กิน มันต้องรู้ก่อนว่าอร่อยไหม เราจะได้ให้พีอีได้ถูก (ตลกอีกแล้ว)

 

เริ่ม !

 

1 รสชาติ

 

เริ่มจากน้ำแข็งไสก่อนเลย โดยส่วนตัวมองว่าตรงนี้ทั้งสองแบรนด์ทำได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก (เดาว่าใช้เครื่องรุ่นเดียวกัน) แต่รู้สึกว่า AU จะนุ่มกว่านิดๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ส่วนมะม่วงที่วางอยู่บนจานนี่ต่างชัดเจน เพราะของ MINT จะค่อนข้างเปรี้ยว (อาจเพราะทำขายนอกฤดู) แต่ AU จะหวานอร่อย (เพราะตอนโน้นชิมในช่วงหน้ามะม่วง) ข้าวเหนียวมูลที่อยู่ใต้ฐานน้ำแข็งไสก็มีรายละเอียดต่างกัน เพราะของ MINT เหมือนข้าวเหนียวโดนความเย็นจัดจนค่อนข้างแข็ง ไม่ค่อยประทับใจ แต่ AU ทำออกมาได้นุ่มและเนียนกว่า แต่ส่วนที่อยากจะให้ความเห็นว่าต่างกันที่สุดคือซอสที่ราดอยู่ข้างบน AU ใช้เป็นซอสกะทิและซอสมะม่วงซึ่งโดยส่วนตัวชอบมาก ซอสกะทิอร่อยมาก ขอดกินจนหมดถ้วย ในขณะที่ MINT ใช้นมข้มหวานทั่วไป ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่ายังไม่เข้ากับบิงชูเท่าไหร่ อยากให้ลองปรับเป็นซอสอื่นดู

 

2 บริการและบรรยากาศ

 

AU ให้ความรู้สึกเป็นร้านคาเฟ่ขนมหวานมาก บรรยากาศดูดีและแพง ข้อเสียคือต้องเดินไปสั่งอาหารเอง (โอเค เราอ้วน เราขี้เกียจเดิน) และร้านก็ไม่รับบัตรเครดิต แต่ MINT จะดูเข้าถึงง่ายกว่า พนักงานเติมน้ำและรับออเดอร์ที่โต๊ะ ตรงนี้มองว่าเป็นจุดต่างด้านการ segmentation ลูกค้ามากกว่า เพราะทั้งสองแบรนด์จับลูกค้าคนละกลุ่มอยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัวชอบ AU เพราะร้านถ่ายรูปลงไอจีแล้วสวยดี

 

 

3 ราคาและความคุ้มค่า

 

คาคิโกริมะม่วงของ AU มีอยู่ราคาเดียวคือ 265 บาท ปริมาณคือกินประมาณ 1.5 คน (ท้องเรา) อธิบายคือถ้ากินคนเดียวจะเหลือนิดหน่อย แต่ถ้าฝืนกินก็จะจุกนิดๆ แต่ถ้ากินสองคนก็จะไม่อิ่ม ต้องกิน 3 คน 2 ถ้วยจะเหมาะสุด ในขณะที่ MINT มี 2 ขนาดคือ 199 บาทและ 299 บาท โดยปริมาณประมาณ 1 คนกินและ 2 คนกินตามลำดับ ด้วยความละโมบ เราสั่งแบบถ้วยใหญ่มา สารภาพว่ากินไม่หมด ถึงจะพยายามกินให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้แล้ว (เพราะงก) แต่ก็ไม่หมด ด้านความคุ้มค่าเชิงปริมาณ MINT อาจจะชนะไปอย่างฉิวเฉียด

 

4 การเข้าถึงของผู้บริโภค

 

จุดเด่นที่สุดของ MINT คือมีสาขาเยอะมาก ดังนั้น หากวันนี้เราอยากกินบิงชูขึ้นมา การเดินเข้า MINT ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะร้านขนมหวานทั่วไปหลายร้านก็ต้องเสี่ยงดวง คือถ้าไม่อร่อยไปเลยก็จะไม่อร่อยไปเลย การเข้า MINT ถือว่าปลอดภัยและเหมาะกับคนต่างจังหวัดอย่างเรา แต่ถ้า AU นี่จะได้เรื่องความอร่อยที่ดูจะกลมกล่อมกว่า แต่สาขาน้อยกว่า หากินยากกว่า ต่อคิวยาวกว่า บางทีก็ท้อจนต้องร้องไห้และทิ้งตัวลงนอนประท้วงที่หน้าร้าน (ฮา)

 

5 สรุป

 

โดยความเห็นส่วนบุคคล ขอให้ AU ที่ 10/10 เพราะไม่เคยกินคาคิโกริที่ไหนอร่อยเท่านี้แล้ว ส่วน MINT ขออนุญาตให้ที่ 7/10 เพราะรู้สึกว่าองค์ประกอบในจานโดยภายรวมยังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ แต่ก็ได้ใจไปในแง่ของความสะดวกในการเข้าถึง

 

สุดท้ายนี้อยากบอกว่าเราไม่มีอคติเรื่องหุ้นเข้ามาเกี่ยวข้องนะ เพราะความจริงเราเคยได้กำไรหุ้น MINT เยอะกว่าที่ได้จาก AU เยอะมาก ดังนั้น บทความนี้พูดถึงประสาทสัมผัสด้านลิ้นล้วนๆ

 

พิมพ์ไปก็หิวไป ไปหาของหวานกินดีกว่า เย้ยยยย

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE

 

พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน