ปุ๋ยมนุษย์ ไอเดียเรื่องหลังความตายที่ดีต่อธรรมชาติ
ความตายเป็นเรื่องควบคุมไม่ได้ เราไม่รู้ว่าความตายจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ด้วยต้นเหตุอะไร เรามีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกกี่วัน แต่ในวันนี้ วันที่ยังมีชีวิตอยู่ เราสามารถออกแบบได้ว่า เมื่อเราตายไปแล้ว เราอยากจะจัดการศพของเราอย่างไร คำถามนี้ไม่ใช่แค่คำถามเชิงปรัชญาชวนคิดถึงช่วงเวลาหลังความตาย แต่กลับเป็นเรื่องของการรับผิดชอบร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ ที่ตายแล้วต้องมีการย่อยสลาย ปุ๋ยมนุษย์เป็นทางเลือกใหม่ในการย่อยสลายศพที่ดีต่อธรรมชาติ
ปุ๋ยมนุษย์ ที่เป็นการย่อยสลายอินทรีย์ตามธรรมชาติ ใช้วิธีการนำศพเก็บไว้ในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมเฉพาะแบบ แล้วปล่อยให้ศพหรือร่างย่อยสลายเอง เมื่อปี ค.ศ. 2021 มีบริษัทต่างชาติที่ชื่อว่า Recompose เปิดให้บริการนี้อย่างเต็มรูปแบบ
โดยแคทรินา สเปด CEO ของ Recompose อธิบายว่า จะเปลี่ยนศพให้กลายเป็นดินหรือปุ๋ยในปริมาณ 1 ลูกบาศก์เมตรภายใน 30 วัน โดยกระบวนการจะเริ่มจากการนำศพ ใส่ในกล่องรูป 6 เหลี่ยม เป็นกล่องที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกหลายครั้ง ก่อนจะกลบด้วยเศษไม้ชิ้นเล็ก ๆ พืชอัลฟัลฟา และฟาง
วิธีการนี้ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน เมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิมอย่างการฉีดน้ำยาศพแล้วใส่โลงฝังดิน ซึ่งต้องใช้ไม้ ที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ หรือวิธีฌาปนกิจที่ต้องมีการเผาไหม้สิ้นเปลืองพลังงาน ทั้งยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อปรากฏการณ์เรือนกระจก
ธุรกิจนี้เป็นที่สนใจของคนอเมริกันจำนวนไม่น้อย ที่มองว่า นี่คือทางเลือกใหม่นอกจากการฝังหรือเผาศพ ที่สำคัญคือ พวกเขาสามารถระบุหรือแจ้งแก่ญาติและครอบครัวไว้ก่อนตายได้ว่า ให้จัดการศพของพวกเขาแบบไหน
ปีที่แล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ปรับปรุงประกาศฉบับเดิมที่ออกเมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งฉบับล่าสุดมีการกำหนดรายละเอียดการควบคุมการปล่อยมลพิษด้วยการใช้มาตรฐานค่าความทึบแสงของเขม่าควัน ที่การควบคุมจำกัดเพดานของมลภาวะที่ปล่อยออกมามากกว่าเดิม
ซึ่งดูเหมือนว่าการเผาศพจะเป็นวิธีการจัดการศพที่ต้องมีการควบคุมดูแล การเผาศพหนึ่งศพปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 418 ปอนด์ขึ้นไปในอากาศ เทียบเท่าได้กับการขับรถเป็นระยะทาง 470 ไมล์ในรถยนต์
ในอนาคต เทรนด์การจัดการศพด้วยวิธีการย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยอาจได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะสถานการณ์สภาพภูมิอากาศโลกก็น่ากังวลมากแล้ว มลพิษปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมเต็มไปหมด หากการทำปุ๋ยมนุษย์ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจช่วยโลกได้แม้ในวันที่หมดลมหายใจไปแล้ว
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
อ้างอิง
[1] Brandinside.asia, ตายแล้วยังมีประโยชน์ รู้จักเทรนด์ธุรกิจใหม่ เปลี่ยนศพให้กลายเป็นปุ๋ย ลดโลกร้อนได้, อ้างอิงจาก https://brandinside.asia/new-technology-change-body-to-soil/
[2] randthink.me, มนุษย์เป็นปุ๋ยที่ดีไหม, อ้างอิงจาก https://www.brandthink.me/content/%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%A2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%84
[3] BBC, สถานที่ทำศพให้เป็นปุ๋ยมนุษย์แห่งแรกของโลก เตรียมเปิดให้บริการในปี 2021, อ้างอิงจาก https://www.bbc.com/thai/features-50727485
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :