ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตมากมายเป็น 1,000,000 ชนิด ทำไมสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงลุกขึ้นมาครองโลก และกลายสภาพมาเป็นเหมือนเจ้าของโลกใบนี้ไปได้ ทำไมมนุษย์ถึงครองโลก ทำไมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตสปีชีย์อื่น เรื่องนี้ Yuval Noah Harari ตอบไว้ในหนังสือ Sapiens: A Brief History of Humankind ได้อย่างน่าสนใจ
จุดพลิกผันสำคัญที่ทำให้มนุษย์ครองโลกได้ คือ Imagined Reality
ความจริงที่สิ่งมีชีวิตอื่นทั่วไปสามารถสื่อสารกันได้ คือ Objective Reality เช่น สิงโตอยู่ตรงนั้น , ฝนตกแล้วนะ , หนีเร็ว ไฟป่ามาแล้ว แต่สัตว์อื่นไม่สามารถสื่อสารกันในสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นมีจับต้องได้ในเชิงรูปธรรมได้ เช่น กวางป่าไม่สามารถสื่อสารได้ว่า อย่าฆ่าฉันเลย จงมีเมตตาต่อฉันเถอะ เพราะเมตตาคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้ และนั่นคือ Imagined Reality
นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ในยุคเริ่มต้นของการกำเนิดมนุษย์ มนุษย์ หรือ Homo sapiens ก็เหมือนสิ่งที่ชีวิตอื่นที่ไม่มี Imagined Reality จนกระทั่งเกิด Cognitive Revolution หรือการปฏิวัติด้านการตื่นรู้ ที่เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์สามารถลุกขึ้นมาจับต้องถึง Imagined Reality ได้ และนั่นก็ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ไม่มีใครรู้ว่า Cognitive Revolution เกิดจากอะไร แต่มันอาจจะเกิดจากการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรมของมนุษย์ก็เป็นได้ แต่มันมีคุณค่ามหาศาล และถูกส่งต่อมาถึงปัจจุบัน
Imagined Reality เปลี่ยนโลกได้อย่างไรบ้าง?
ก่อนอื่นเราต้องมาพูดถึง Imagined Reality 3 ขาหลักสำคัญของมนุษยชาติ ที่เปรียบเสมือนกลไกขนาดใหญ่ที่หมุนสังคมมนุษย์ให้ก้าวไปข้างหน้า 3 ความจริงเชิงจินตภาพนั้น ได้แก่ การเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจ
1 การเมือง
ระบบจักรวรรดิ ระบบประเทศ ระบบการปกครอง ระบบทั้งหลายทั้งแหล่ที่รวมมนุษย์ขึ้นเป็นชาติ เป็นกลุ่มก้อนได้ ล้วนเป็น Imagined Reality ได้ ประชาธิปไตยคืออะไร สังคมนิยมคืออะไร ชาติคืออะไร ถ้าเราสามารถไปติดต่อกับสัตว์ประเภทอื่นได้ สัตว์ก็ไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ดีว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร สัตว์อื่นสามารถรวมกลุ่มกันได้จริง แต่ก็ทำได้ในขอบเขตแค่ที่มองเห็นกันได้ แต่สัตว์อื่นไม่สามารถทำได้ เช่น มนุษย์ที่รวมกันอยู่เป็นระดับพันล้านคนได้ ด้วยระบบการปกครองที่มองไม่เห็น
การเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์ก้าวหน้า เพราะทุกเขตการปกครองย่อมต้องการเจริญก้าวหน้าเพื่อป้องกันการรุกรานจากเขตการปกครองอื่น การแข่งขันเหล่านี้ทำให้มนุษย์ไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้
2 ศาสนา
“You could never convince a monkey to give you a banana by promising him limitless bananas after death in monkey heaven.” นี่คือคำอธิบายถึงศาสนาได้ตรงจุดตรงประเด็นที่สุดในหนังสือเล่มนี้ ศาสนาหรือ Superhuman Order ทำให้มนุษย์สามารถรวมใจกันได้อย่างเหนียวแน่น ประวัติศาสตร์มากมายบ่งบอกว่า ศาสนามีผลมากมายต่อมนุษย์ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่น สงครามครูเสด
ศาสนาถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยึดเหนี่ยวเข้าไว้ด้วยกัน ในยุคที่การเมืองและเศรษฐกิจไม่ได้เข้มแข็งดังเช่นปัจจุบัน ระบบศาสนาสำคัญมากกับการยึดรวมมนุษย์ไว้เป็นปึกแผ่น และช่วยให้มนุษย์สามารถร่วมมือร่วมใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้จำนวนคนและแรงใจจำนวนมาก
3 เศรษฐกิจ
ระบบเงินตรา ระบบเครดิต และ ระบบบริษัทจำกัด ถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจของมวลมนุษยชาติ มนุษย์ไม่สามารถมาได้ไกลแบบนี้เลย หากไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินตราได้ คิดสภาพถ้าเราจะทำธุรกิจอะไร แต่ยังต้องใช้ผัก ใช้ปลาไปคอยแลกกันอยู่ ธุรกิจต่างๆ ก็คงขยายขนาดไม่ได้
ระบบบริษัทจำกัดก็สำคัญมากเช่นกัน ในอดีตไม่ค่อยมีใครอยากทำธุรกิจ เพราะหากทำผิดพลาด นั่นหมายถึง การขายลูกขายเมียเพื่อไปใช้หนี้ บางทีต้องขายตัวเองไปเป็นทาสด้วย ถ้ายังใช้หนี้ไม่พอก็ต้องไปติดคุก ระบบบริษัทจำกัดทำให้เกิดความจำกัดความรับผิดชอบในธุรกิจ ส่งผลให้โลกธุรกิจเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยงในชีวิตจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้
Imagined Reality จึงถือเป็นหลักใหญ่สำคัญที่ทำให้มนุษย์ครองโลก ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นประกอบอยู่บ้าง แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าปัจจัยนี้สำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
หากไม่มี Cognitive Revolution เมื่อ 70,000 ปีก่อนคริสตศักราชแล้ว มนุษย์ก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหนึ่งในห่วงโซ่อาหาร เก็บลูกไม้กินตอนเช้า วิ่งหนีสิงโตในยามบ่าย นอนอยู่กลางทุ่งหญ้าในแอฟริกาในตอนเย็น
ถ้าเปรียบเทียบเชิงวิวัฒนาการแล้ว มนุษย์คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาไกลมาก และประสบความสำเร็จที่สุดในโลกใบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ความสำเร็จดังกล่าวก็มาพร้อมกับการเส้นสายของการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอื่นไปมากมาย
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :