ความหลากหลายทางเพศในบริษัทกับผลกำไรที่เพิ่มขึ้น

ความหลากหลายทางเพศในที่ทำงานนั้น เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของความเท่าเทียม และเป็นธรรมของคนทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือบุคคลข้ามเพศภ ายในองค์กร ซึ่งเป็นการทำให้แน่ใจว่า คนทุกเพศได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในที่ทำงาน ตั้งแต่ระดับพนักงานทั่วไป จนถึงผู้บริหาร

มีรายงานว่า อัตราการมีส่วนร่วมของกําลังแรงงานทั่วโลก สําหรับผู้ชายคิดเป็น 72% ในขณะที่ผู้หญิงนั้นต่ำกว่า 47% แม้เพศหญิงจะคิดเป็น 50% ของประชากรโลกก็ตาม ในปัจจุบัน หลายบริษัท ต่างเริ่มให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศในการทำงานมากขึ้น โดย BlackRock Investment Institute เปิดเผยรายงานการวิจัย ที่ได้จากการศึกษาสํารวจบริษัทต่าง ๆ ตาม MSCI World Index ซึ่งติดตามผลการดําเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ และขนาดกลางใน 23 ประเทศ พบว่า บริษัทที่มีความหลากหลาย และเท่าเทียมทางเพศ จะมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

และจากการศึกษาระหว่างปี ค.ศ. 2013–2022 พบว่าบริษัทที่มีพนักงานที่มีความสมดุลทางเพศมากกว่า จะมีประสิทธิภาพของผลการดำเนินงานมากกว่าบริษัทที่มีความสมดุลน้อย คิดเป็น 29% ส่วนบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศในผู้บริหารระดับกลาง และระดับสูง มีความสัมพันธ์กันกับพนักงาน โดยมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการลาออกของพนักงานลดลง และให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งแสดงถึงการประหยัดต้นทุน ในแง่ของเวลาและเงินที่จะต้องใช้ในการสรรหาบุคลากร

เมื่อบริษัทมีกลุ่มคนทำงานที่หลากหลาย นั่นหมายถึง การมีกลุ่มผู้มีความสามารถ และมุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่งมาจากประสบการณ์การทำงานและใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ความหลากหลายเหล่านี้ สามารถที่จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมได้ ช่วยให้องค์กรมองเห็นถึงโอกาสใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังแสดงถึง การมีวัฒนธรรมที่ไม่แบ่งแยกในที่ทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มขวัญกําลังใจ และโอกาสให้กับทุกคนในองค์กร

ในแง่ของผู้มาใช้บริการ หรือลูกค้าขององค์กรนั้น มักมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ยิ่งองค์กรของคุณสะท้อนถึงลูกค้าของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสสื่อสารกับพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายถึงการทำให้แน่ใจ ว่าทีมงานของคุณมีความหลากหลายทางเพศ ตลอดจนภูมิหลังและชาติพันธุ์ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงานและผลกําไรของบริษัท

จากการรายงานของ Blackrock สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น สำหรับการเปิดเผยข้อมูลในด้านสังคมหรือ “S” ของ ESG จากบริษัทต่าง ๆ โดยระยะหลังมานี้ในหลายประเทศเริ่มออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับทุนมนุษย์ คือเน้นการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาธารณะมากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับพนักงานและการจัดการ รวมถึงช่วงค่าตอบแทน สถานะการจ้างงานและข้อมูลประชากรแรงงาน อาจกล่าวได้ว่าทุนมนุษย์นั้นมีความสําคัญต่อประสิทธิภาพการลงทุน และมันเป็นความสัมพันธ์ที่ทรงพลังมาก

น่าสนใจว่าถ้าไม่ใช่ในระดับองค์กร แต่เป็นในระดับประเทศ ที่หากยิ่งประเทศไหนให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศมาก ประเทศนั้นจะได้รับผลกำไรอย่างไรบ้าง แล้วประเทศไทยของเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน