Resilience Skills ทักษะความยืดหยุ่นทางจิตใจที่คนในยุคนี้จำเป็นต้องมี
ในโลกที่กำลังขับเคลื่อนไปด้วยแรงกระตุ้นทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ทำให้ปัจจุบันเราแทบจะต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาที ผู้คนต่างอยู่ในกระแสพายุของการเปลี่ยนผ่านไปยังโลกใบใหม่ ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในที่ทำงาน ความสัมพันธ์กับครอบครัว ความยุ่งยากทางการเงิน หรือแม้แต่ปัญหาทางสุขภาพ
ดังนั้นในทางจิตวิทยาจึงมีหนึ่งทักษะที่กล่าวกันว่าจะทำให้เราสามารถรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่ว่านี้คือ “ทักษะความยืดหยุ่นทางจิตใจ” หรือ “Resilience Skill” ซึ่งสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association : APA) ได้ให้คำจัดความไว้ว่า เป็นกระบวนการปรับตัวได้ดีเมื่อต้องเผชิญกับการบาดเจ็บ โศกนาฏกรรม ภัยคุกคามหรือความเครียดที่สําคัญ ๆ
นักจิตวิทยากล่าวว่า ทักษะนี้ก็เเสมือนกับลูกบอลยางที่ตีกลับในเวลาที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นชุดกระบวนความคิดวิธีในการรับมือแก้ปัญหาโดยไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเอาชนะเพียงแค่เรื่องใหญ่ๆเท่านั้น แต่กับเรื่องเล็ก ๆ เราก็สามารถที่จะจัดการและก้าวผ่านไปได้โดยไม่สูญเสียกำลังใจไปเสียก่อน มนุษย์แต่ละคนต่างมีทักษะนี้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางด้านจิตใจบวกกับประสบการณ์ที่เคยพบเจอมา และก็มีไม่เท่ากันในแต่ละช่วงวัยของชีวิตอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
ในแต่ละครั้งที่เราเผชิญกับปัญหา เราก็จะมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเราสามารถแก้ปัญหารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้แล้ว ก็เท่ากับว่าเราได้สะสมทักษะประเภทนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งได้ใช้ทักษะความยืดหยุ่นบ่อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีศักยภาพมากขึ้นในการบูรณาการแนวคิดเหล่านี้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต
ทักษะความยืดหยุ่นทางจิตใจนั้นประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน ได้แก่
1. การรู้จักตัวเอง (Self-awareness) เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมองได้ถึงข้อดีและข้อเสียในตัวเอง เรียกได้ง่าย ๆ ว่าคุณรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งที่คุณสามารถนำออกมาใช้ได้ และอะไรคือจุดอ่อนที่คุณจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต
2. ความมั่นใจในตัวเอง (Self-confidence) คือความรู้สึกที่คุณเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ เป็นเหมือนกับความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะสามารถก้าวผ่านความยากลำบากไปได้
3. การมองโลกในแง่ดี (Optimism) ทำให้คุณคิดถึงพลังงานด้านบวกในการเผชิญกับปัญหาที่ท้าทาย ถ้าคุณมองโลกในแง่บวกคุณจะรู้สึกว่าทุกครั้งที่คุณเจอปัญหา หากคุณก้าวผ่านมันไปได้ สิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้คุณเก่งขึ้น ซึ่งวิธีการมองโลกแบบนี้ช่วยให้คุณโฟกัสไปที่ผลลัพธ์มากกว่าการเพ่งเล็งถึงความเหนื่อยยากในการหาวิธีแก้ไข
4. การปรับตัว (Flexibility) คือความสามารถในการจัดการกับแรงแรงกดดันโดยที่คุณไม่รู้สึกได้รับผลกระทบเชิงลบ เมื่อคุณมีความสามารถในการปรับตัวที่ดีคุณจะสามารถควบคุมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้โดยง่าย
5. ความรับผิดชอบ (Responsibility) เป็นความรู้สึกที่คุณตระหนักว่าจะต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตนเองอยู่เสมอ
6. ความอดทน (Patience) เป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับภาวะที่ซับซ้อนและเรื่องที่ไม่สบายใจด้วยความสง่างาม ทำให้เราสามารถควบคุมอารมณ์และเพิกเฉยต่อสิ่งรบกวนทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
7.การแก้ปัญหา (Problem-solving) คือการที่คุณจะต้องจัดลำดับความสำคัญทางความคิด รวมไปถึงการรู้จักวางแผนแบบเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้เกิดกระบวนการจัดการที่ดี
และ 8. การสื่อสาร (Communication) องค์ประกอบนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากคุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ คุณจึงจำเป็นจะต้องมีความสามารถในการสื่อสารที่ดีกับคนอื่นๆ ทั้งทักษะการฟังและการถาม รวมไปถึงการรู้จักขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อเกิดความจำเป็น
อาจกล่าวได้ว่าเราคงไม่ต้องรอให้เจอกับปัญหาก่อนจึงจะสามารถพัฒนาทักษะความยืดหยุ่นทางจิตใจได้ แต่ทุกคนสามารถที่จะค่อย ๆ ฝึกแต่ละองค์ประกอบให้ดีขึ้นได้แม้เพียงเล็กน้อยในทุก ๆ วัน เมื่อถึงเวลาที่เราเจอกับสถานการณ์ที่ท้าทายในชีวิต เราก็จะรับมือกับมันได้อย่างไม่ยาก
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิง
https://www.indeed.com/career-advice/career-development/resilience-skills
https://positivepsychology.com/resilience-skills/
https://www.skillsyouneed.com/ps/resilience.html
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :