รู้จักด้านมืดของตลาดหุ้นกับหนัง The Wolf of Wall Street

หากพูดถึงหนังเกี่ยวกับตลาดหุ้น เชื่อขนมกินได้เลยว่า ชื่ออันดับหนึ่งในใจหลายคน (รวมไปถึงอาจจะมีแค่ 1 ชื่อด้วย) จะต้องเป็น The Wolf of Wall Street หนังว่าด้วยด้านมืดของตลาดหุ้นที่ออกฉายตั้งแต่ปี 2013 นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio ซึ่งตัวหนังเรื่องนี้ก็ได้รับบทวิจารณ์ไปในทางดี และเข้าชิงรางวัลในเวทีใหญ่ระดับโลกมากมาย

The Wolf of Wall Street ว่าด้วยเรื่องชีวิตของ Jordan Belfort

จอร์แดน เบลฟอร์ (Jordan Belfort) เริ่มต้นชีวิตการทำงานในสายการเงินในโบรคเกอร์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ช่วงที่เขากำลังหางานเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจพอดี ตลาดหุ้นซบเซา แต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยิ่งใหญ่ในถนนนักค้าหลักทรัพย์ของเขา เขาสร้างเงินได้ในปริมาณมหาศาล แล้วก็สูญเสียมันไปในปริมาณมหาศาลเช่นกัน

หนังบอกเล่าเรื่องราวแบบ อิงอัตชีวประวัติ เสียเป็นส่วนใหญ่

การดูหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่อารมณ์ของพล็อตที่มีการหักมุมไปมา แต่เป็นเรื่องการเข้าอีกด้านหนึ่งของตลาดหุ้นที่เรียกว่า มืด แบบที่มืดกว่าที่จะจินตนาการได้จริงๆ โดยเฉพาะหนังเรื่องนี้ชี้ประเด็นไปที่การหลอกขายหุ้นคุณภาพต่ำจากนายหน้าค้าหุ้น การแต่งตัวตบตาบริษัทเน่าๆ เพื่อเข้าตลาด สิ่งที่เห็นชัดที่สุด คือ โบรคเกอร์หุ้นที่ไม่จริงใจบางแห่ง บริษัทเหล่านี้ไม่สนใจผลกำไรของลูกค้า พวกเขาสนใจแค่ผลกำไรของตัวเอง

หนังว่าด้วยการโกงแทบทั้งเรื่อง

ดูเอามุมมองด้านการเงินการลงทุนก็ดี ดูเอาข้อคิดในการใช้ชีวิตก็ได้ จอร์แดน เบลฟอร์ ของเราพาตัวเองจากจุดต่ำสุด วิ่งไปยังจุดสูงสุด ก่อนจะกลับลงมาที่จุดต่ำสุดอีกครั้ง ชีวิตที่พัวพันกับอบายมุขมากมาย สารเสพติด เซ็กซ์ และการหลอกลวง ภาพเหมือนพลุที่ระเบิดฉายประกายสวยสว่าง แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป สิ่งที่เหลือไว้เบื้องหลังก็เป็นความจริงใต้ท้องฟ้าอันดำมืดที่เจ้าตัวเองก็ไม่กล้าที่จะสบตามอง

ความพีคของหนังเรื่องนี้ คือ ขนาดเงินทุนที่นำมาทำหนังก็ยังถูกกล่าวหาว่าโกงมา

The Malaysian Anti-Corruption Commission (MACC) กล่าวหาหนังเรื่องนี้ว่าใช้เงินทุนในการสร้างอย่างผิดกฎหมาย โดย Riza Shahriz Abdul Aziz ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ได้ยักยอกเงินมาจากกองทุนลงทุนแห่งชาติของมาเลเซียที่ชื่อว่า The Malaysian 1MDB Sovereign Wealth Fund คนในครอบครัวของตัวผู้สร้างหนังเรื่องนี้เองก็ถูกจับติดคุกด้วยข้อหายักยอกเงินของรัฐมาใช้ส่วนตัวด้วยเช่นกัน หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตราบาปของการฉ้อโกงที่ใหญ่หลวงมากของประเทศมาเลเซียที่จะติดค้างต่อไปอย่างไม่อาจลบล้าง

หากพูดถึงหนังการเงิน หนังเรื่องนี้ คือ อันดับ 1 ที่ควรหยิบมาดูสักครั้ง

ถึงแม้ว่าหนังจะเทไปในด้านของการโกหก หลอกลวง ฉ้อโกง และอบายมุขตลอดเรื่อง แต่เชื่อเถอะว่าด้านมืดแบบนี้ ไม่ค่อยมีใครจะหยิบมาพูดกันเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าอาจจะมีจริงและทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ แต่สุดท้าย มันก็จะถูกแค่ซุกไว้ใต้พรม