ธุรกิจ

AFTER YOU (AU) จะขายแฟรนไชส์

AU

AU หรือบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมหวานในรูปแบบร้านขนมหวานแนวคาเฟ่ โดยมีแบรนด์ในเครือได้แก่ อาฟเตอร์ยู (After You) อาฟเตอร์ยูทุเรียน (After You Durian) และเมโกริ (Maygori) ซึ่งข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561 มีสาขารวมประมาณ 30 สาขา

 

After You ถือว่าเป็นหุ้นที่นักลงทุนคาดหวังการเติบโตเป็นอย่างมาก

 

จากมูลค่ากิจการและอัตราส่วนทางการเงินด้านความถูกแพงสะท้อนออกมาให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังการเติบโตจาก After You ค่อนข้างสูง ด้วยมูลค่ากิจการตามราคาตลาดที่ประมาณหมื่นล้าน อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (PE ratio ; Price per Earing Ratio) ประมาณ 70 เท่า เรียกได้ว่าต้องการการเติบโตของ After You สูงมาก PER จึงจะลดลงมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

 

au

 

ล่าสุด After You เตรียมตัวขายแฟรนไชส์เพื่อเพิ่มการเติบโตครั้งใหม่

 

ล่าสุดในงาน Opportunity Day หรือบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน ผู้บริหารของบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า After You กำลังเตรียมตัวขายแฟรนไชส์ซึ่งน่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในปีนี้

 

After You วางแผนจะขายแฟรนไชส์มาพักใหญ่แล้ว

 

ในเบื้องต้นผู้บริหารตั้งเป้าจะขยายงานแฟรนไชส์ไปที่ต่างประเทศเป็นหลัก เพราะการบุกตลาดต่างประเทศด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่การจะไม่ขยายเลยก็ถือว่าเสียโอกาสเพราะ AU ก็ถือว่ามีแบรนด์ที่จะเติบโตภายในต่างประเทศสูง การที่จะเติบโตในประเทศเอง (ที่น่าจะยังมีช่องทางให้เติบโตอีก) และต่างประเทศในเวลาเดียวกันก็คือการขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญ และเติบโตไปในฐานะพาร์ทเนอร์ซึ่งกันและกันนั่นเอง

 

ล่าสุดผู้บริหารได้ไปเปิดให้ข้อมูลกับนักธุรกิจในงาน THAIFEX2018 ซึ่งเป็นงานมหกรรมเกี่ยวกับธุรกิจอาหารระดับนานาชาติ After You เองก็ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จนได้รับใบสมัครแฟรนไชส์มากกว่า 100 ใบ

 

au

 

ประเทศแรกที่ไปน่าจะเป็นมาเลเซีย

 

โดยผู้บริหารให้ข้อมูลว่าน่าจะมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นภายในปี 2019 โดยเบื้องต้นน่าจะเริ่มจากพาร์ทเนอร์แค่รายเดียวก่อนเพราะมาเลเซียเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มาก โดยประเมินจำนวนสาขาไว้ที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาสตาร์บัคส์ (Starbucks) ที่จำนวน 15 สาขา

 

AU จะได้อะไรจากการขายแฟรนไชส์ครั้งนี้บ้าง

 

รายได้ของ After You จากแฟรนไชส์จะมาจาก 3 ส่วนด้วยกันคือ (1) ค่าแรกเข้า (Initial Fee) ซึ่งเรียกเก็บครั้งแรกที่เซ็นสัญญาทำแฟรนไชส์ (2) ส่วนแบ่งจากยอดขาย (Royalty Fee) ซึ่งจะเป็นรายได้ที่ได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยหักจากรายได้ของกิจการที่ซื้อแฟรนไชส์ไปโดยตรง และ (3) รายได้จากการขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ซี (Franchisee คือผู้ซื้อแฟรนไชส์ Franchisor คือผู้ขายแฟรนไชส์) โดยรายได้ส่วนนี้น่าจะกินสัดส่วนไม่มากนัก

 

การขายแฟรนไชส์จะช่วยเพิ่มการเติบโตให้กับ After You

 

ในขณะที่ After You มุ่งหน้าขยายสาขาในประเทศที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตต่อไป ตลาดต่างประเทศก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแฟรนไชส์ที่จะขยายไปสร้างการเติบโตควบคู่กันไปได้

 

เอาใจช่วยแบรนด์ไทยในตลาดต่างประเทศเสมอ !

 

au

 

ขอบคุณรูปภาพสวยสวยสวยจาก sanook.com

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE

 

พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน