ราคาของการเซ็นเซอร์: บริษัทเกมในจีนจะเติบโตต่อไปอย่างไรท่ามกลางนโยบายเซ็นเซอร์สื่อ

ราคาของการเซ็นเซอร์: บริษัทเกมในจีนจะเติบโตต่อไปอย่างไรท่ามกลางนโยบายเซ็นเซอร์สื่อ

การเล่นเกมเป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย เกมเป็นได้ทั้งงานอดิเรกไปจนถึงกีฬา ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เกมกลายเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียด สร้างมิตรภาพ เยียวยาจิตใจสำหรับผู้คนในขณะที่ต้องกักตัวอยู่แต่ในที่พัก [1] ในสถานการณ์เช่นนี้ ตลาดเกมควรจะรุ่งเรืองขึ้น แต่ตลาดเกมในจีนกลับมีการเติบโตที่สวนทางกัน ในครึ่งแรกของปีค.ศ.2022 รายได้ของวิดีโอเกมในจีนร่วงตกลงร้อยละ 1.8 คิดเป็นมูลค่ามากถึง 21.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ [2]

เกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมการผลิตเกมในจีน ?

รายได้จากเกมในจีนลดต่ำลง ทั้ง ๆ ที่ในปีค.ศ.2022 นี้ จีนนับเป็นประเทศที่มีรายได้จากการผลิตเกมมากที่สุดในโลก มีรายได้จากเกมมากถึง 50.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีจำนวนผู้เล่นมากกว่า 742.19 ล้านคน [3] รายได้ที่ลดต่ำลงในช่วงครึ่งปีแรกของค.ศ.2022 นี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ปัญหาบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับการผลิตเกมในจีน และหนึ่งในปัญหาที่ว่านั้น ก็หนีไม่พ้นการเซ็นเซอร์สื่อของจีน

การเซ็นเซอร์สื่อเกมในจีนเข้มงวดขนาดไหน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดเกมได้ถึงเพียงนี้ ?

ตามกฎหมายแล้ว เนื้อหาที่ห้ามเผยแพร่ในวิดีโอเกมของจีนอย่างเด็ดขาด ได้แก่ พฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรม จารีต ประเพณี วัฒนธรรม และนโยบายของจีน ไม่ว่าจะเป็นการพนัน การใช้สารเสพติด การปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติ ที่ผ่านมา บริษัทวิดีโอเกมจากต่างชาติล้วนได้รับผลกระทบ ทั้งการเซ็นเซอร์บางส่วน เช่น เกม Diablo 3 ที่เซ็นเซอร์เพียงตัวละครที่มีเลือดเยอะและดูน่ากลัว และการเซ็นเซอร์ทั้งหมด เนื่องจากเนื้อหาในเกมแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของทหารจีน หรือกล่าวถึงทิเบตในฐานะที่เป็นประเทศอิสระ เช่นเกม Battlefield 4, Command & Conquer Generals และ IGI 2: Covert Strike [4]

การเซ็นเซอร์สื่อที่เข้มงวดเหล่านี้ ถูกยกระดับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเกมรายใหญ่ของจีนด้วย

ในปีค.ศ.2021 จีนได้ออกนโยบายเพิ่มความเข้มข้นในการเซ็นเซอร์เกม โดยเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ รักเพศเดียวกัน ผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายผู้หญิง และเกมที่มีทางเลือกระหว่างการตัดสินใจทำสิ่งที่ดีและไม่ดีจะถูกเซ็นเซอร์ทั้งหมด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ขัดต่อมาตรฐานศีลธรรมอันดีของจีน [5]

การเซ็นเซอร์ครั้งนี้ส่งผลให้กระบวนการอนุมัติเกมหยุดชะงักลง จนกระทั่งเดือนเมษายน ปีค.ศ.2022 มีเพียงเกม 45 รายชื่อที่ผ่านการอนุมัติ และในจำนวนนั้นก็ไม่มีเกมจากบริษัทผู้ผลิตเกมรายใหญ่ของจีนอย่าง NetEase และ Tencent เลยแม้แต่ชื่อเดียว ทั้งสองบริษัทสูญเสียรายได้มากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ที่จีนเริ่มยกระดับมาตรการ นอกจากนี้ จีนยังมีนโยบายควบคุมให้เยาวชนสามารถใช้เวลาเล่นเกมได้เพียง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ [6]

จากที่กล่าวมานี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่ในจีนจะเริ่มวางแผนย้ายไปเจาะตลาดต่างประเทศ อนาคตการผลิตเกมเพื่อต่างชาติสดใสเรืองรองมากกว่ารอคอยการอนุมัติที่ไม่รู้กำหนดผ่านอยู่ที่ประเทศของตัวเอง [7]

มาถึงจุดนี้แล้ว เราคงได้แต่คิดทบทวนกันอีกทีว่า นโยบายการเซ็นเซอร์เพื่อรักษามาตรฐานความดีความงามของประเทศนั้น คุ้มค่ากันแล้วหรือไม่กับราคาที่อุตสาหกรรมเกมของจีนต้องแบกรับ และได้แต่ดิ้นรนเพื่อเติบโตนอกประเทศต่อไป