เหตุใดทองแดงถึงกลายเป็นโลหะราคาแพง อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากทองแดงขาดแคลน
เมื่อกล่าวถึงทองแดง หลายท่านอาจนึกถึงเหรียญแข่งกีฬาที่มอบให้ผู้ชนะเป็นอันดับ 3 อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของทองแดงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าโลหะชนิดอื่น ๆ เลย ทองแดงเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ในงานหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการเป็นตัวนำไฟฟ้า แทบจะกล่าวได้ว่าความเจริญในโลกยุคสมัยใหม่จำเป็นต้องใช้ทองแดงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทองแดงในระบบส่งกำลังไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้า การเชื่อมต่อโทรคมนาคม การสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้ โลหะทองแดงจึงเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ และนับเป็นโลหะที่มีการใช้งานในอุตสาหกรรมเป็นลำดับ 3 รองลงมาจากเหล็กและอลูมิเนียม [1]
แต่ในปี ค.ศ. 2023 นี้ โลหะที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเป็นลำดับ 3 อย่างทองแดงกำลังกลายเป็นโลหะที่มีราคาแพง และอาจจะขาดแคลนในปี ค.ศ. 2030 ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอกล่าวถึงสาเหตุที่ทองแดงกลายเป็นโลหะที่มีราคาแพง และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ทองแดงขาดแคลนแล้ว ดังนี้ [2, 3]
เหตุใดทองแดงจึงกลายเป็นโลหะที่มีราคาแพง?
คำตอบแรกของคำถามนี้ คือการที่ทองแดงเป็นที่ต้องการมากขึ้นในปัจจุบัน ยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรืองมากเท่าไหร่ ทองแดงก็ยิ่งถูกใช้หมดไปมากเท่านั้น เช่น รถ EV ที่ใช้ทองแดงมากกว่ารถติดแก๊สถึง 4 เท่า หรือการสร้างกังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้านอกชายฝั่งและในชายฝั่ง ก็ใช้ทองแดงมากเป็นสองเท่าของพลังงานไฟฟ้าที่มาจากถ่านหิน ในปี ค.ศ. 2031 เป็นที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมทั้งหลายจะต้องการทองแดงมากถึงจำนวน 35 ล้านเมตริกตัน ในขณะที่ในปีนั้นเอง ทองแดงก็อาจจะขาดตลาดมากถึง 30 ล้านเมตริกตัน การที่ทองแดงเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มว่าจะขาดตลาดมากขึ้นทุกปีส่งผลให้ราคาของทองแดงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คำตอบต่อมาของสาเหตุที่ทองแดงราคาพุ่งสูงขึ้น คือความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลกระทบต่อทองแดงด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยทองแดงนับเป็นตัวสะท้อนสุขภาพของเศรษฐกิจที่ชัดเจนว่า วิกฤตการณ์เงินเฟ้ออาจจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองในเปรู ซึ่งเป็นประเทศที่มีส่วนในการส่งออกทองแดงมากถึงร้อยละ 10 ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้การผลิตทองแดงลดน้อยลง เช่นเดียวกับในชิลีที่มีส่วนในการส่งออกทองแดงร้อยละ 27 ในขณะเดียวกัน การกลับมาเปิดประเทศหลังจากโควิด-19 ของจีนก็ทำให้ทองแดงเป็นที่ต้องการอีกครั้งในจำนวนมหาศาล ทองแดงจึงกลายเป็นโลหะที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นมาในปี ค.ศ. 2023 นี้
ทองแดงที่ขาดแคลนจะทำให้เกิดอะไรขึ้นต่อไป?
หากทองแดงขาดแคลน สิ่งที่จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนคือการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด ตั้งแต่รถไฟฟ้าไปจนถึงเครื่องมืออุตสาหกรรมทุกชนิด สิ่งที่ควรต้องเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งนี้จึงเป็นการพยายามขุดค้นพบเหมืองแร่ทองแดงแห่งใหม่ โดยความหวังในการค้นพบเหมืองใหม่อยู่ที่ประเทศแถบแอฟริกาอย่างคองโกและแซมเบีย แม้ว่าเหมืองทองแดงที่มีความสำคัญและผลิตทองแดงได้จำนวนมากในปัจจุบันก็ยังคงเป็นประเทศในแถบอเมริกาใต้อยู่ดี
การขาดแคลนทองแดงเป็นวิกฤตที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนใน 7 ปีข้างหน้านี้ เราคงได้แต่จับตาดูต่อไปว่าแวดวงอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะรับมือกับทองแดนที่ขาดแคลนในอนาคตต่อไปอย่างไร
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
อ้างอิง
[1] National Minerals Information Center. (2023). Copper Statistics and Information. Retrieved from https://www.usgs.gov/centers/national-minerals-information-center/copper-statistics-and-information
[2] Lee Ying Shan. (February 6, 2023). There isn’t enough copper in the world — and the shortage could last till 2030. Retrieved from https://www.cnbc.com/2023/02/07/there-isnt-enough-copper-in-the-world-shortage-could-last-until-2030.html
[3] Wall Street Journal. (June 7, 2023). Why Copper Is Now One of the World’s Most In-Demand Metals | WSJ. Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=jP_t1lo0ZgA&ab_channel=WallStreetJournal
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :