สรุปดีลซื้อทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์
ข่าวลือฮือฮาสั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยีช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา คือการปิดดีลซื้อทวิตเตอร์ของ อีลอน มัสก์ ด้วยความที่ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากหน้าหลายตาใช้อย่างเป็นประจำ และโดดเด่นในเรื่องความไวในการแชร์ข่าว ผ่านการติดแฮ็ชแท็ก หลายครั้งแอ็กเคานต์ในทวิตเตอร์เองก็ไม่ได้ใช้รูปหรือชื่อจริง แต่เราต้องรอดูว่าทวิตเตอร์จะเปลี่ยนหน้าตาหรือบทบาทอย่างไร เมื่อ อีลอน มัสก์ เข้ามาเป็นเจ้าของแทนที่
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ปิดดีลการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท โดยไล่ ไล่ประธานกรรมการบริหาร (CEO) และผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ออกในทันที และ “ถูกเชิญ” ออกจากอาคารสำนักงาน
โดยแหล่งข่าวเผยว่า สาเหตุที่มัสก์ ไล่ CEO กับ CFO และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและนโยบายออก เนื่องมาจากพฤติกรรมของทั้งสามที่ต้องการปกปิดตัวเลขบัญชีผู้ใช้ปลอมบนทวิตเตอร์ โดย ทั้งสามคนได้รับเงินรวมกันมากกว่า 204 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.7 พันล้าน) ในการออกจากตำแหน่งครั้งนี้
อีลอน มัสก์ อัปเดตข้อมูลส่วนตัวในบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเองว่าเป็น “หัวหน้าทวิต (Chief Twit)” และประกาศว่า เขาต้องการที่จะกำจัดบัญชีปลอมและสแปมบอทออกไปจากทวิตเตอร์ และทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยก โดยเขาบอกว่า ทวิตเตอร์จะต้องเป็น “พื้นที่ที่อบอุ่นและยินดีต้อนรับทุกคน” และเสริมว่า “ทวิตเตอร์ไม่สามารถกลายเป็นนรกที่ไร้ประโยชน์สำหรับทุกคนที่จะพูดอะไรได้โดยไม่มีผลตามมา!”
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) โพสต์อธิบายเหตุผลที่เขาซื้อ Twitter อย่างละเอียด ว่าเป้าหมายของเขานั้นคือการสร้าง “Common Digital Town Square” หรือถ้าแปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็คือพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้คนเข้ามาพูดคุยและถกเถียงกัน โดยที่ลดความรุนแรงลง เมื่อความเห็นแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน
เขามองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะกับโลกยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียเริ่มแบ่งกลุ่มคนให้อยู่เป็นกลุ่ม ๆ ฝ่ายขวาก็อยู่กับฝ่ายขวา ฝ่ายซ้ายก็อยู่กันแค่ฝ่ายซ้าย แต่ละฝ่ายก็คุยกันเอง กลายเป็นว่าแทนที่จะดี ก็กลายเป็นยิ่งเพิ่มความเกลียดชังและความแตกแยกให้มากขึ้นแทน
อย่างไรก็ตาม มัสก์ ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เขาจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท ก่อนหน้านี้เขากล่าวว่ามีแผนที่จะเลิกจ้างพนักงาน 75% ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า อาจส่งผลกระทบต่องานด้านการควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ดีลนี้จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางอย่างแน่นอน ต้องจับตาดูว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษกับใคร โชคชะตาของแอปพลิเคชันนกสีฟ้าจะเปลี่ยนหน้าตาไปเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ จะกำหนดทิศทางของทั้ง เหล่าคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ สำนักข่าว หรือแม้กระทั่งธุรกิจต่าง ๆ ที่พึ่งพาการโปรโมตผ่านทวิตเตอร์ ถึงเวลานั้น คงต้องปรับตัวกันอีกมาก
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิง
TNNThailand, Elon Musk ปิดดีลทวิตเตอร์ พร้อมไล่ CEO CFO ออกทันที, อ้างอิงจาก https://www.tnnthailand.com/news/tech/128899/
PPTVHD36, อีลอน มัสก์ คุมทวิตเตอร์ปุ๊บ เชิญผู้บริหารชุดเก่าออกปั๊บ, อ้างอิงจาก https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/183409
ThairathOnline, อีลอน มัสก์ ส่งสัญญาณปิดดีลทวิตเตอร์ 44,000 ล้าน, อ้างอิงจาก https://www.thairath.co.th/news/foreign/2537273
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :