เศรษฐกิจอเมริกาใกล้พังจริงหรือไม่: การแข่งขันทางการเมืองกับความเชื่อทางเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจอเมริกาใกล้พังจริงหรือไม่: การแข่งขันทางการเมืองกับความเชื่อทางเศรษฐกิจ

การเลือกตั้งกลางเทอมระหว่างการดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต กำลังจะมาถึงในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นฝ่ายได้เสียงข้างมากในสภา พรรคการเมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ทั้งเดโมแครต และรีพับลิกัน ต่างก็แข่งขันกันประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค [1]

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหาสังคมต่างถูกหยิบยกขึ้นมาดึงคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นการทำแท้งเสรี นโยบายด้านการจัดการกับผู้อพยพ ประชาธิปไตย และหนึ่งในประเด็นร้อนที่ทั้งสองพรรคต่างก็ต้องพูดถึง ก็หนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกา [2] ข่าวสารมากมายชี้ให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา คือการทบทวนดูว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเข้าขั้นวิกฤตแล้วจริงหรือไม่

หากพิจารณาข้อมูลตามความเป็นจริง สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของโจ ไบเดน กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และวิกฤตเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ข้าวของทุกอย่างราคาแพงขึ้นจนน่าตกใจ แต่หากพิจารณาอัตราการจ้างงานแล้วก็จะเห็นได้ว่า ผู้คนส่วนมากยังคงมีงานทำในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในปีค.ศ.2008 ที่อัตราการจ้างงานตกต่ำลงไปอย่างมาก ดังนั้น เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอาจไม่ได้ย่ำแย่ถึงระดับเลวร้าย [3]

แต่ถึงอย่างนั้น หากพิจารณาจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Sentiment Index) ก็จะเห็นได้ว่า ผู้บริโภคกำลังคิดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.2022 นี้ย่ำแย่ถึงระดับวิกฤต และอาจเลวร้ายยิ่งกว่าช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปีค.ศ.2008 รวมถึงภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อในช่วงปีค.ศ.1970 [4] ความเชื่อมั่นที่ถูกสั่นคลอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีระหว่างสองพรรคใหญ่ในช่วงเลือกตั้ง [3]

จากสถิติที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง พรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลมักจะหาทางโจมตีพรรครัฐบาลด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนั้น ในจังหวะเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในปีนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่พรรครีพับลิกันจะหยิบยกเอาปัญหาการจัดการเศรษฐกิจของพรรคเดโมแครต อันเป็นพรรครัฐบาลขึ้นมาโจมตี การขยี้จุดอ่อนในด้านการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจของเดโมแครต ช่วยเรียกคะแนนเสียงให้แก่รีพับลิกัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ประชาชนผู้เสพข่าวสารมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจกำลังแย่ลงทุกที [3]

เศรษฐกิจที่แย่ลงในความรู้สึกของชาวอเมริกันส่งผลต่อความนิยมของพรรคเดโมแครต อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ผู้คนรู้สึกว่าเศรษฐกิจแย่เกินกว่าความเป็นจริง ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่น่าจับตาดูต่อไปคือทิศทางการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจของแต่ละพรรค เราคงได้แต่หวังว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น และไม่เลวร้ายเท่าที่ผู้บริโภคกำลังรู้สึกอยู่ในปัจจุบัน