เหตุผลที่แบรนด์สินค้าต่างประเทศทำกำไรในจีนได้ลดน้อยลง
ประเทศจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นอย่างน่าจับตามองตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประชากรที่มีกำลังซื้อจำนวนมากดึงดูดให้แบรนด์จากต่างประเทศพากันลงทุนขยายธุรกิจในจีน และทำกำไรได้อย่างงดงามเรื่อยมา [1] อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2567 นี้ แบรนด์สินค้าต่างประเทศกลับทำกำไรในจีนได้ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์จากต่างชาติ ซึ่งรวมถึง iPhone ของ Apple Inc ที่มียอดขายในจีนลดต่ำลงร้อยละ 44.25 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเดือนตุลาคมปีที่แล้ว [2] หรือสินค้าหรูหรา เช่น LVMH ที่มียอดขายลดลงร้อยละ 3 ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์จากลูกค้าในจีนลดลง [3] เหตุผลที่แบรนด์สินค้าต่างประเทศทำกำไรในจีนได้ลดน้อยลง มีดังต่อไปนี้
เหตุผลข้อแรก แบรนด์สินค้าจากต่างประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแบรนด์ท้องถิ่นในจีน สินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่มีราคาถูกกว่ากลายเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้แบรนด์ท้องถิ่นของจีนได้รับความนิยมมากกว่าแบรนด์ต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น กาแฟ Starbucks มีราคา 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่กาแฟ Luckin ของจีนมีราคาต่ำกว่า 1.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากเปรียบเทียบกันในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2567 Starbucks มีสาขาในจีนกว่า 7,000 แห่ง ขยายสาขาเพิ่มได้อีกประมาณ 800 แห่ง มีรายได้ประมาณ 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังสู้การขยายตัวของ Luckin ที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น ขยายสาขาได้รวดเร็วถึง 20,000 แห่ง และเปิดร้านเพิ่มได้มากกว่า 2,000 สาขา มีรายได้มากกว่า 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [4]
เหตุผลข้อที่สอง เศรษฐกิจของจีนยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีพ.ศ.2567 นี้ เศรษฐกิจของจีนยังคงเติบโตช้า เห็นได้จากผลในไตรมาสที่ 3 ที่เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.6 แต่ยังน้อยกว่าไตรมาสที่แล้วที่เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.7 และน้อยกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ตั้งเป้าไว้ว่าเศรษฐกิจควรขยายตัวร้อยละ 5 ในปีนี้ สภาพเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ วิกฤตเงินเฟ้อ และปัญหาการว่างงานส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อการเลือกซื้อแบรนด์ต่างประเทศที่มักมีราคาสูงกว่าแบรนด์ในประเทศไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ [5]
เหตุผลข้อที่สาม แบรนด์สินค้าจากต่างประเทศต้องเผชิญกับข้อบังคับทางกฎหมายที่ยุ่งยากและไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจจากต่างชาติ แม้ว่าจีนจะเปิดโอกาสให้แบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาเปิดกิจการ แต่กฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ของจีนยังคงมีความซับซ้อน และมีบทลงโทษที่รุนแรง โดยเฉพาะข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล บริษัทจากต่างชาติจึงเสียเปรียบในด้านการรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคเพื่อวิเคราะห์สำหรับพัฒนาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด [6]
เหตุผลทั้งสามประการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์จากต่างชาติทำกำไรในจีนได้ลดน้อยลง เศรษฐกิจที่ผันผวนในจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจจากประเทศอื่นด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนี้ไป เราคงได้แต่คอยจับตาดูทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และคอยเฝ้าดูกันต่อไปว่า แบรนด์สินค้าต่างประเทศจะรับมือกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจในจีนต่อไปอย่างไร
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
อ้างอิง
[1] Silver, C. (October 4, 2024). The Top 25 Economies in the World. Retrieved from https://www.investopedia.com/insights/worlds-top-economies
[2] Reuters. (November 27, 2024). Foreign smartphone sales in China drop 44.25% y/y in Oct, data shows. Retrieved from https://www.reuters.com/technology/foreign-smartphone-sales-china-drop-4425-oct-data-shows-2024-11-27
[3] Jing Daily. (October 16, 2024). LVMH sales fall 3% as China demand weakens. Retrieved from https://jingdaily.com/intels/2024-10/16/lvmh-sales-fall-3-as-china-demand-weakens
[4] South China Morning Post. (November 10, 2024). The end of foreign brands in China?. Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=lNSXUcTevQ4
[5] Katanich, D. (October 18, 2024). China: World’s second-largest economy sees growth slowing. Retrieved from https://www.euronews.com/business/2024/10/18/china-worlds-second-largest-economy-sees-growth-slowing
[6] Hawksford. (August 13, 2024). Understanding market entry barriers in China. Retrieved from https://www.hawksford.com/insights-and-guides/understand-market-entry-barriers-in-china
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :