กระแสหนึ่งที่มาค่อนข้างแรงในโลกปัจจุบันคือการใช้หุ่นยนต์มาแทนมนุษย์ อย่างที่เราเห็นภาพโรงงานต่างๆ มากมายในปัจจุบันที่ใช้คนน้อยลงและหันมาใช้หุ่นยนต์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานในภาคอุตสาหกรรมที่หนักและเหนื่อยจนประชากรต่างๆ ในประเทศที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ค่อยอยากจะไปทำงานในโรงงานเท่าไหร่นัก ใครๆ ต่างก็อยากผันตัวมาอยู่ในงานภาคบริการที่จะได้ค่าแรงสูงกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า และส่วนใหญ่ มักจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายกว่าด้วย
การที่หุ่นยนต์จะมาแทนที่มนุษย์ได้ สิ่งสำคัญหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเซ็นเซอร์ (sensor) ที่จะมาใช้เป็นตัวจับสัญญาณแทนประสาทสัมผัสของมนุษย์ อย่างสมัยอดีต เราใช้ตาในการมองขวดบรรจุภัณฑ์เพื่อที่จะแปะฉลากลงไปได้อย่างถูกต้อง แต่หุ่นยนต์ไม่มีดวงตาและเรตินาของรับแสงและภาพ หุ่นยนต์จึงต้องมีเซนเซอร์ที่คอยจับสัญญาณวัตถุหาขอบพื้นที่ของวัตถุเพื่อสามารถทำให้หุ่นยนต์แปะฉลากลงไปได้อย่างถูกต้อง
KEYENCE เป็นบริษัทผลิตเซ็นเซอร์ชั้นนำของญี่ปุ่นและโลก
KEYENCE เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ตลาดนิเกอิ ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ตัวย่อว่า 6861 บริษัททำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเซ็นเซอร์ประเภทต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับภาพ แสง เสียง ระดับวัตถุ การวางในแบบ 3 มิติ ระบบบาร์โค้ด ระบบเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมไปถึงระบบเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัย ซึ่งเซ็นเซอร์ดังกล่าวถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ่นยนต์ที่ใช้แทนแรงงานในมนุษย์ในโรงงานอุตสาหกรรม
รายได้และกำไรของบริษัท 2015 – 2017 (สิ้นงวดปีวันที่ 20 มีนาคม)
ปี 2015 รายได้ 412,699 ล้านเยน กำไร 153,156 ล้านเยน
ปี 2016 รายได้ 379,282 ล้านเยน กำไร 137,166 ล้านเยน
ปี 2017 รายได้ 412,676 ล้านเยน กำไร 153,115 ล้านเยน
บริษัทได้รับจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมหรือ Innovative Companies ลำดับที่ 49 ของโลก โดย Forbes Magazine และเป็นบริษัทอันดับที่ 943 ของโลก นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทที่ Bloomberg ให้ความเห็นในงานวิจัยว่าเป็นบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของกระแสการใช้หุ่นยนต์แทนที่มนุษย์ในโรงงานอุตสาหกรรม
ราคาปิด ณ สิ้นปี 2017 ของ 6861 เท่ากับ 63,120 เยน เทียบเท่ากับมูลค่ากิจการ 7.676 ล้านล้านเยน หรือเทียบได้ประมาณ 2.23 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 1 ใน 7 ของ GDP ประเทศไทย PE ตอนนี้เทรดกันอยู่ที่ 41.64 เท่า ผลตอบแทนจากเงินปันผล 0.16% และหุ้นให้ผลตอบแทน 57.80% สำหรับนักลงทุนที่ถือครบรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
ใหญ่ยักษ์สมกับติด TOP 50 บริษัทนวัตกรรมของโลกจริงๆ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอาจจะเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากโครงสร้างประชากรในประเทศที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยกับการเติบโตเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นไม่ดี แต่ถ้าหุ้นมีผลประกอบการดี หุ้นก็จะยังสามารถเติบโตได้
ปล. เครดิตรูปภาพ Marvel
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :