เกิดอะไรขึ้น ทำไม Meta ปลดพนักงาน

เมื่อปีค.ศ. 2004 Mark Zuckerberg ได้ก่อตั้ง Facebook ซึ่งมีการพัฒนาธุรกิจใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มาตลอดทาง เมื่อเติบโตใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ Mark Zuckerberg ก็ทยอยซื้อกิจการแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง Instagram และ WhatsApp และปรับชื่อเรียกธุรกิจภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมดเป็นบริษัทที่ชื่อ “Meta”

นับตั้งแต่ปีที่ก่อตั้ง Facebook มีรายงานว่า ธุรกิจของ Mark Zuckerberg มีอัตราการจ้างงานที่ค่อนข้างเสถียร คนทำงานให้บริษัทมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และได้รับผลตอบแทนที่พึงพอใจ โดยจำนวนพนักงานที่มีการเก็บสถิตินับตั้งแต่การก่อตั้งถึงปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 87,314 คน

แต่ล่าสุด Mark Zuckerberg ได้เขียนจดหมายถึงพนักงานภายใต้การดูแลของบริษัทว่า จะมีการเลิกจ้างพนักงานถึง 13% หรือหมายความว่า เลิกจ้างคนราว ๆ 11,000 คน เมื่อเดือนที่แล้วกำไรของ Meta ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง และจะหยุดการจ้างงานเพิ่มอย่างน้อยจนถึงเดือนมีนาคม ปีหน้า

เมื่อดูรายได้ของ Meta เทียบกับเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลที่กำไรลดลงได้มากขนาดนี้มาจากการลงทุนหลักพันล้านที่ Meta พยายามสร้าง Metaverse โดยหวังว่าจะเป็นอนาคตของอินเทอร์เน็ต

Meta ลงทุนลงแรงกับ Metaverse ไปเยอะมาก แต่ระหว่างการพยายามสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นจริง ดูเหมือนยุทธศาสตร์การจัดการธุรกิจจะไม่ยืดหยุ่นต่อการปรับตัวมากพอ เศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างเห็นด้วยชัดในภาวะหลังการแพร่ระบาดหนักของโรคโควิด 19 และด้วยวิกฤตการณ์อื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากนั้น การขายโฆษณาดิจิทัล หรือ Digital Advertising ก็หดตัวลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกแผลที่ทำให้ Meta ช้ำหนัก เนื่องจากพึ่งพารายได้จากส่วนนี้มาก

นอกจากนั้นเงินทุนจำนวนมากอีกส่วนหนึ่งก็จ่ายไปกับการซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp ปัญหาไม่ใช่แค่การซื้อกิจการ แต่วิธีการจัดการและออกแบบแพลตฟอร์มแต่ละที่ด้วย ปัญหาเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และสื่อที่มีเนื้อหาในแง่ลบ ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อดูแลกำกับการทำงานของ Content และ AI ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เช่น การดูแลกำกับเนื้อหาที่มีความรุนแรง เหยียดหยาม hate speech และ ข้อมูลเท็จ

หนึ่งในความแตกต่างของธุรกิจ Meta คือการที่ตัว Mark Zuckerberg เองมีอำนาจในการตัดสินใจการบริหารธุรกิจอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่จะคนมากกว่าหนึ่งในการคิดแผนอย่างรอบคอบว่าจะชี้ทางเดินต่อของธุรกิจอย่างไร

พูดได้เลยว่าการบริหารจัดการธุรกิจของ Meta พาตัวเองมาสู่ความเสี่ยงที่ตอนนี้ไม่สามารถจัดการได้แล้ว การตัดจำนวนพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายจึงเป็นการตัดสินใจที่ยากแต่ต้องทำ Meta มีมาตรการสนับสนุนทางการเงินและอื่น ๆ ให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง

มากกว่าการเลิกจ้างพนักงานคือการวิเคราะห์ปัญหาและปัจจัย Meta จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ในช่วงเวลาที่รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นี่คือคำถามและโจทย์ใหญ่ และไม่ใช่แค่นั้น ต้องอย่าลืมว่า Meta กำลังเผชิญความท้าทายเรื่องคู่แข่งที่ทำ Content ได้แปลกใหม่และน่าสนใจอย่าง TikTok