สรุปข้อมูลบริษัท NIKE : ผู้นำอันดับ 1 ตลาดรองเท้าโลก

ในแวดวงของการค้าปลีก เราอาจเคยเห็นผู้ค้าปลีกมากมายที่ทำสินค้าแบรนด์ของตัวเองออกมาวางจำหน่าย บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็พออยู่ได้ บ้างก็ไปไม่รอด

แต่รู้หรือไม่ว่า มีอยู่บริษัทหนึ่ง ที่อดีตเมื่อนานมาแล้วเป็นเพียงร้านค้าปลีกทั่วไปที่ขาย “รองเท้า” เพียงไม่กี่ร้อยคู่

แต่เมื่อถึงจุดที่ตัดสินใจทำแบรนด์ของตัวเอง ก็สามารถขายได้ถล่มทลายและกลายเป็นผู้ผลิตรองเท้าอันดับ 1 ของโลก

บริษัทที่ว่านั้นคือ Nike

ตำนานของ Nike เริ่มต้นขึ้นในปี 1966 โดย Bill Bowerman และ Phil Knight ซึ่งในตอนรก ร้าน Nike ยังเป็นเพียงร้านค้าที่นำรองเท้าเข้ามาขายเท่านั้น

แรกเริ่มเดิมที อุตสาหกรรมรองเท้าทั่วโลกมีผู้นำตลาดอยู่แล้วคือ Adidas ซึ่งเป็นผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทำรองเท้ากีฬาออกมาเป็นกิจลักษณะ ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนจึงนำรองเท้ากีฬาเข้ามาขาย โดยแบรนด์ที่นำเข้ามาขายในสหรัฐก็คือ Onitsuka จากประเทศญี่ปุ่น

ก่อนที่ในเวลาต่อมา เมื่อทั้งสองคนเริ่มเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจที่มากขึ้น จึงตัดสินใจผลิตรองเท้าเป็นแบรนด์ Nike ของตัวเองเมื่อปี 1971 จึงไม่ผิดนักถ้าจะเปรียบเปรยว่า Onitsuka คือต้นกำเนิดทางอารยธรรมของ Nike

หลังจากนั้นมา รองเท้ากีฬาคู่แล้วคู่เล่าก็ถูกรังสรรค์ให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นผู้นำในตลาดของรองเท้ากีฬา เรียกได้ว่าใครที่อยากซื้อรองเท้ากีฬา ก็ต้องนึกถึงรองเท้าของ Nike เป็นแบรนด์แรก

และด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่กล้าทุ่มทุนมากกว่าชาวบ้าน อย่างการจ่ายเงินให้กับนักกีฬาปีละหลายล้านเหรียญเพียงเพื่อให้ใส่รองเท้าของ Nike ระหว่างการแข่งขัน แม้จะเป็นเม็ดเงินที่สูงลิบลิ่ว แต่ก็ทำให้แบรนด์ของบริษัทยิ่งขจรขจายมากเข้าไปอีก

เพราะยิ่งนักกีฬามีชื่อเสียงเท่าไหร่ คนก็ยิ่งติดตามมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อคนติดตามมาก โลโก้ Nike อันคุ้นตาก็ยิ่งผ่านสายตาผู้ชมนับล้านคนทั่วโลกเช่นกัน

จนทุกวันนี้ Nike ได้กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรองเท้าทั่วโลก ด้วยรายได้ในปีล่าสุดที่สูงถึง 39,117 ล้านเหรียญ และมูลค่าตลาดของหุ้น Nike ที่สูงถึงกว่า 1 แสนล้านเหรียญเลยทีเดียว

งบการเงิน Nike

ปี 2018
รายได้ 36,397 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 34,464 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 1,933 ล้านเหรียญ

ปี 2019
รายได้ 39,117 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 35,088 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 4,029 ล้านเหรียญ

12 เดือนล่าสุด
รายได้ 39,829 ล้านเหรียญ
ค่าใช้จ่าย 35,511 ล้านเหรียญ
กำไรสุทธิ 4,318 ล้านเหรียญ

แต่แน่นอนว่า แม้จะเป็นผู้นำอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมรองเท้า ก็ใช่ว่าการรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ตลอดไปจะเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะคู่แข่งที่ตามติดหลังมาติดๆ อย่าง Adidas เพราะอย่างไรเสียรองเท้าก็เป็นเรื่องของแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวส่วนหนึ่ง ดังนั้นหากคู่แข่งมีการออกรุ่นใหม่ๆ ที่สวยกว่า คนก็พร้อมจะไปซื้ออีกแบรนด์ได้ไม่ยาก

รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มกลับมาระบาดรอบใหม่ในหลายๆ ประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการ lockdown รอบแรก ร้านค้าของ Nike เองก็ต้องปิดตัวลงแทบทุกสาขาจนทำให้ขายของไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอ การประชาสัมพันธ์ของ Nike ที่มักอยู่ในแวดวงกีฬาก็ต้องหยุดชะงัก รวมถึงคนที่อยู่บ้านก็แทบไม่ได้ใส่รองเท้าออกไปไหน ยิ่งซ้ำเติมให้ผลประกอบการของ Nike โดนกระทบเข้าไปใหญ่

จนถึงขั้นมีการประเมินกันว่า ผลประกอบการไตรมาสถัดไปของบริษัทมีโอกาสที่รายได้จะลดลงถึง 3-4 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว

และหากการระบาดรอบสองมีความรุนแรงขึ้น Nike ก็ยากที่จะไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีอยู่บ้างที่ร้านค้าในหลายๆ ประเทศก็เริ่มเปิดการขายตามปกติ และถ้าใครที่ไปเดินห้างช่วงนี้ ก็คงสังเกตเห็นเหมือนกันว่าคนเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยอย่างสนุกมือ ไม่แน่ว่า Nike อาจไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่หลายคนกลัวก็ได้

ซึ่งราคาหุ้นก็ดูเหมือนจะไม่กังวลในข้อนี้เช่นกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ราคาร่วงลงไปกว่า 40% ในช่วงที่ COVID-19 ระบาดรุนแรง ตอนนี้ราคาหุ้นกลับขึ้นมาเท่าเดิมได้ก่อนที่จะเกิดวิกฤต ราวกับว่าไม่กังวลในผลประกอบการของบริษัทเท่าไหร่เลย

แต่สุดท้าย ผลประกอบการเท่านั้นที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมา เหมาะสมกับพื้นฐานของกิจการที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่