อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ ?

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จีนได้ดำเนินการตามนโยบาย zero-covid มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งล็อกดาวน์หรือการจำกัดการเดินทางของประชาชนออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจอย่างหนัก และประชาชนก็เริ่มทนไม่ไหวกับกฎอันเข้มงวด [1] การประท้วงในช่วงวันที่ 24-26 พฤศจิกายนที่ผ่านมาส่งผลให้มาตรการรับมือกับโรคระบาดของจีนผ่อนคลายมากขึ้น [2] ในที่สุด จีนก็ประกาศเปิดประเทศอีกครั้ง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ค.ศ.2023 เป็นต้นไป [3]

อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดประเทศครั้งนี้เป็นทั้งข่าวดีสำหรับประชาชนจีนและข่าวที่ทั่วโลกต้องให้ความสำคัญ เมื่อนักท่องเที่ยวจากจีนกำลังจะออกไปสู่นานาประเทศ การกลับมาเปิดประเทศในรอบ 3 ปีของจีนในครั้งนี้มีสิ่งที่น่าจับตามองอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน [4] ดังนี้

ประเด็นแรก ได้แก่ การกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากจีนไปยังต่างประเทศ นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมหาศาลกำลังวางแผนไปท่องเที่ยวยังประเทศต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนก็ยังคงไม่แน่นอน ดังนั้น แต่ละประเทศล้วนต้องกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน เช่น สหรัฐอเมริกาและไต้หวันที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวจากจีนต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบที่ด่านตรวจก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเมือง หรือญี่ปุ่นที่ประกาศจำกัดเที่ยวบินจากจีนและเข้มงวดด้านการตรวจโควิด-19 กับนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศจีน [5]

ประเด็นต่อมา ได้แก่ การกลับมาเฟื่องฟูของธุรกิจการท่องเที่ยว ก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศมากถึง 150 ล้านคนต่อปี นับเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกประเทศมากที่สุดในโลก [6] เมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ชาวจีนที่อึดอัดจากล็อกดาวน์ต่างก็พร้อมใจกันจองเที่ยวบินออกท่องเที่ยว ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัท Trip ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ของจีนได้แสดงให้เห็นว่าจำนวนยอดจองเที่ยวบินพุ่งสูงขึ้นถึง 300% นับจากมีการประกาศคลายล็อกดาวน์ [4]

ประเด็นสุดท้าย ได้แก่ ความกังวลด้านการกลายพันธุ์ของโควิด-19 แม้ว่าการที่จีนเปิดประเทศอาจก่อให้เกิดผลดีกับธุรกิจท่องเที่ยว แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่ผ่านมา จีนรับมือกับโควิด-19 ด้วยแนวทางของตนเอง ทั้งการผลิตวัคซีนใช้เองและการใช้มาตรการ zero-covid ดังนั้น ข้อมูลผู้ติดเชื้อในจีนรวมถึงสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบันจึงแทบไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) [7]

ปัจจุบันนี้ WHO พยายามอย่างยิ่งที่จะติดต่อประสานข้อมูลกับทางการจีนเพื่อประเมินความเสี่ยงของการกลายพันธุ์ของไวรัส ในขณะเดียวกัน แต่ละประเทศที่เป็นเป้าหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนก็กำลังวางแผนกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน พร้อม ๆ กับการวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเฟื่องฟูขึ้นจากธุรกิจท่องเที่ยว จากนี้ไปเราคงได้แต่จับตาดูกันต่อไปว่าโลกจะเป็นอย่างไร หลังจากการเปิดประเทศของจีน