ดูไบ กับเส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงาน Virtual Asset Regulator Authority (VARA) ของดูไบได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Digital Assets และ Web3 ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้คือการหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะผนวกรวมเข้ากับวาระเศรษฐกิจ D33 ของดูไบที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน สำหรับ D33 ประกอบด้วยโครงการปฏิรูปกว่า 100 โครงการ และมีเป้าหมายในการเพิ่มขนาดเศรษฐกิจของดูไบเป็นสองเท่าในทศวรรษหน้าเพื่อครองตำแหน่งหนึ่งในสามเมืองชั้นนําทางเศรษฐกิจของโลก
ดูไบเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาและพยายามดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนด้าน FinTech อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกอย่างลอนดอน ปารีส และฮ่องกงที่มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างสหภาพยุโรปเองก็กำลังนำ Markets in Crypto Assets Regulation (MiCA) ซึ่งเป็นกฎหมายและข้อกำหนดสำหรับการใช้ cryptocurrencies รวมทั้งกิจกรรมและบริการที่เกี่ยวข้องเข้าสู่การเผยแพร่ในวารสารอย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรป
ดูไบเองก็พยายามพุ่งไปที่กลยุทธ์การลดความเสี่ยงทางการค้าและเน้นความตรงไปตรงมา โดย VARA หรือ Virtual Asset Regulatory Authority ซึ่งเป็นหน่วยกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล พยายามสร้างกรอบการทำงานที่มุ่งหวังให้ดูไบเป็นเขตอำนาจศาล (jurisdictions) ระดับโลกสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนาย Henson Orser ซีอีโอของ VARA คาดว่าภายในปี ค.ศ. 2023 จะได้เห็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการหลายร้อยหลายเข้าสู่ระบบการออกใบอนุญาต
ดูไบเป็นประเทศที่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาเจ็ดประเทศที่ประกอบกันเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (The United Arab Emirates: UAE) รวมถึงยังเป็นผู้นำใน “Falcon Economies” ซึ่งเป็นคําที่ถูกบัญญัติขึ้นใน “อาบูดาบี” เมืองหลวงของรัฐบาลกลางเอมิเรตส์ มีความหมายในเชิงบวกถึงเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง โดดเด่น และต่อเนื่องในภูมิภาคความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งรวมถึงซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และคูเวต
ดูไบเป็นประเทศที่มีความพร้อมทางระบบนิเวศด้าน FinTech รวมถึงมีระบบการเงินที่ดีระดับโลก มีระบอบการปกครองที่มั่นคงและก้าวหน้า พร้อมที่จะสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และบล็อกเชน โดยในปี ค.ศ. 2004 ดูไบได้เปิดตัว เขตปลอดอากรทางการเงินที่เรียกว่า Dubai International Finance Centre Authority (DIFC) ซึ่งเป็นระบบนิเวศ FinTech ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ มีสถาบันการเงินที่ได้รับการควบคุมมากกว่า 550 แห่ง บริษัท 4,200 แห่ง และมีพนักงานมากกว่า 36,000 คนที่ให้ด้านบริการทางกฎหมายและความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง
ดูไบยังเป็นประตูสู่ผู้คนมากกว่าสี่พันล้านคนในตะวันออกกลาง แอฟริกาและเอเชีย ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในอีกพันปีข้างหน้า
ถึงแม้ว่าดูไบอาจจะไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติเท่าประเทศอื่น ๆ เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน แต่ดูไบมีปัจจัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
https://www.forbes.com/sites/lawrencewintermeyer/2023/06/16/dubai-on-the-road-to-becoming-a-top-global-financial-services-hub/?ss=fintech&sh=12f0c97a5a9c
https://economictimes.indiatimes.com/news/international/uae/dubai-emerges-as-a-leading-fintech-hub-attracting-global-investment-and-innovation/articleshow/100140151.cms?from=mdr
https://www.difc.ae/business/areas-business/digital-assets/
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :