แม่น้ำมิสซิสซิปปีแห้งเหือด สะเทือนเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร

สายน้ำเป็นดั่งลมหายใจที่หล่อเลี้ยงผู้คนในดินแดน เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและแหล่งอาหาร หากย้อนมองประวัติศาสตร์ของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ตั้งแต่ยุคก่อนการก่อตั้งสหรัฐอเมริกา ชื่อ “มิสซิสซิปปี” อันเป็นภาษาอินเดียนสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งรกรากของผู้คน ตั้งแต่สมัยก่อน ชาวอเมริกันดั้งเดิมสร้างเรือไม้ขึ้นเพื่อออกหาอาหาร จนกระทั่งเรือไม้เริ่มมีวิวัฒนาการเป็นเรือกลไฟเพื่อขนสินค้า หรือมีบทบาทในฐานะเรือเพื่อการสงคราม บทบาทของแม่น้ำแห่งนี้ก็ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ [1]

แต่ในปีค.ศ.2022 นี้ แม่น้ำมิสซิสซิปปีกำลังแห้งเหือดลงไปเรื่อย ๆ

ภัยแล้งที่โจมตีสหรัฐอเมริกาอย่างหนักหน่วงในปีนี้ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำทยอยเหือดหาย ในเดือนตุลาคม ระดับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปีตั้งแต่ฝั่งรัฐ Illinois ไปจนถึง Louisiana ต่ำลงเป็นประวัติศาสตร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ติดลบถึง -10.75 ฟุต แห้งแล้งมากเสียจนผู้คนสามารถลงไปเดินเท้าเปล่าบนเกาะ Tower rock ที่อยู่กลางแม่น้ำมิสซิสซิปปีได้อย่างสบาย ๆ ความแห้งแล้งยังส่งผลให้น้ำเค็มจากอ่าวเม็กซิโกเข้ามามีอิทธิพลกับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปี ทางการสหรัฐฯ จึงต้องสร้างเขื่อนใต้น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเค็มเข้ามาทำลายน้ำดื่มใน Louisiana [2]

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยแล้ง ไม่ได้มีแค่เรื่องสายน้ำที่เหือดหาย หรือน้ำดื่มที่อาจกลายเป็นน้ำเค็ม แต่ยังรวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย

ภัยแล้งที่แพร่ขยายไปทั่วส่งผลให้สหรัฐอเมริกาเสียหายมากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการแห้งเหือดของแม่น้ำมิสซิสซิปปีเท่ากับการหายไปของเส้นทางขนส่งทางน้ำ ระดับน้ำที่ลดลงในช่วงจังหวะที่สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วงพีคของฤดูเก็บเกี่ยวเป็นยิ่งกว่าโชคร้าย ในเมื่อโดยปกติแล้ว สายน้ำมิสซิสซิปปีมีบทบาทในฐานะเส้นทางลำเลียงสำหรับการส่งออกข้าวของสหรัฐอเมริกาถึงร้อยละ 60

นอกจากปัญหาในการส่งออกข้าวแล้ว เรือลำเลียงข้าวโพดก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม การลำเลียงข้าวโพดลดลงถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว หากระดับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปียังคงลดต่ำลงไป เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาก็จะยิ่งได้รับผลกระทบทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและวิกฤตด้านการขาดแคลนอาหาร [3]

ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาอย่างใหญ่หลวง การลดลงของระดับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปียิ่งทำให้สหรัฐอเมริกาต้องรับมือกับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากปัญหาด้านการขนส่ง เจ้าของไร่ต้องแบกรับปัญหาจากการที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ [4] แม้จะมีการคาดการณ์ว่าระดับน้ำในแม่น้ำอาจเพิ่มขึ้นได้จากการมาถึงของพายุเฮอร์ริเคน แต่ระดับน้ำก็อาจยังคงแห้งลงไปอีกจากปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา [3] การแห้งเหือดของแม่น้ำมิสซิสซิปปีนับเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ธรรมชาติมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากมายเพียงใด