อะไรกระตุ้นการทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้ดีกว่ากัน ระหว่าง “เงิน” กับ “ความสุข”

อะไรกระตุ้นการทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้ดีกว่ากัน ระหว่าง “เงิน” กับ “ความสุข”

ในการทดลองหนึ่ง ผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมดได้รับเส้นสปาเก็ตตีดิบ 20 เส้น เชือก เทปกาว กรรไกร และ มาร์ชแมลโลว์ 1 ชิ้น โดยทีมงานได้ตั้งโจทย์ของการแข่งขันเอาไว้ว่า ให้สร้างหอคอยจากวัสดุข้างต้นภายในเวลา 18 นาที ที่ตั้งได้จริงและมีความสูงที่สุด โดยที่ทีมผู้เข้าร่วมการทดลองครึ่งหนึ่งรับทราบว่า การแข่งขันในครั้งนี้มีเงินรางวัลจำนวน 400 ดอลลาร์ มอบให้กับทีมที่ชนะ และทีมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไม่ได้รับเงื่อนไขเดียวกันนี้ คุณคิดว่าผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มไหนจะสร้างหอคอยได้สูงที่สุด? ระหว่างกลุ่มที่มีเงินรางวัลเป็นผลตอบแทนกับกลุ่มที่เข้าร่วมเพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น? ตามเรามาชมในสารคดีเรื่อง การทดลอง 100 มนุษย์ ตอบคำถามแห่งชีวิต ซีซั่น 1 ตอน “หนทางสู่ความสุข” (Netflix) กัน

เมื่อได้อ่านข้อความข้างต้นใครหลาย ๆ คนก็คงคิดตรงกันว่า เหล่าผู้ร่วมการทดลองที่มีเงินรางวัลเป็นสิ่งดึงดูด ย่อมเป็นกลุ่มที่ตั้งใจทำผลงานออกมาได้ดีที่สุดสิ คำตอบของผลการทดลองนี้คือ แม้ว่ากลุ่มที่มีเงินรางวัลเป็นเครื่องล่อตาล่อใจจะมีความตั้งใจสร้างหอคอยเป็นอย่างมาก พวกเขาถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด และแทบจะไม่มีใครในกลุ่มนี้พูดคุยล้อเล่นหรือยิ้มเลยขณะที่สร้างหอคอย พวกเขาดูมีท่าทางที่ไม่สนุกเลยสักนิด ในทางกลับกันกลุ่มที่เข้าร่วมด้วยความสนุกและไม่มีของรางวัลใด ๆ กลับสร้างหอคอยด้วยความสนุกสนานอย่างเต็มที่ ในกลุ่มหลังนี้แทบไม่มีการโต้เถียงกันเกิดขึ้นเลย ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งในทีมพยายามออกคำสั่ง ทุกคนช่วยกันออกความคิดเห็นและร่วมมือกันอย่างดี และในกลุ่มหลังนี้เองที่สามารถสร้างหอคอยได้สูงที่สุด โดยกลุ่มที่ไม่มีเงินรางวัลสามารถทำหอคอยให้ตั้งอยู่ได้ทั้งหมด 4 จาก 10 กลุ่ม ในขณะที่กลุ่มเงินรางวัลทำได้แค่ 3 จาก 10 กลุ่มเท่านั้น

ผลการทดลองนี้บอกอะไรกับเรา

ผู้ดำเนินสารคดีสรุปผลการทดลองในครั้งนี้ว่า ในการกระตุ้นการทำงานด้วยเงินรางวัลนี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมการทดลองจดจ่ออยู่กับแค่ไม่กี่อย่าง พวกเขาจะคร่ำเคร่ง ซึ่งสภาพจิตใจเช่นนั้น เหมาะกับงานแค่บางประเภท แต่นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความคิดใหม่ ๆ ที่ปรกติมนุษย์เราไม่ค่อยได้ใช้ พวกเขาต้องเสี่ยงให้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มที่ไม่มีเงินรางวัลไม่มีเงื่อนไขใด ๆ มาตีกรอบการจดจ่อ จึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างผลงานได้อย่างอิสระมากกว่า สร้างสรรค์มากกว่า ส่งผลให้งานออกมาดีกว่าในภาพรวม สำหรับสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ มนุษย์ทำสิ่งต่างๆเพราะสิ่งนั้นทำให้เรารู้สึกพึงพอใจ ทำให้เรารู้สึกถึงการเติบโต แต่ถ้าหากเปลี่ยนกติกาให้เป็นงานชนิดอื่นๆที่ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากนัก การมีเงินรางวัลเป็นเครื่องดึงดูดจะไม่ทำให้เกิดปัญหาอย่างเช่นที่พบเจอในการทดลองนี้ จึงเป็นบทสรุปที่ว่า การทำให้คนทำงานมีความรู้สึกสนุกสนานมีผลดีกับการทำงานในเชิงสร้างสรรค์มากกว่าผลตอบแทนเป็นตัวเงิน

นอกจากนั้นภายในสารคดีตอนเดียวกันนี้ ยังมีการทดลองอีกหลายอย่าง โดยที่ทุกการทดลองนั้นมีเป้าประสงค์ที่จะตามหาว่าอะไร คือปัจจัยที่ทำให้มนุษย์เกิดความพึงพอใจหรือที่เรียกกันว่าความสุข เช่น เสียงหัวเราะทำให้เรามีความสุขได้ในทุกกรณีจริงหรือ ขณะที่เรารู้สึกสนุกเวลาจะผ่านไปเร็วจริงหรือ การหัวเราะแก้ปวดได้หรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลอง อาจทำให้คุณแปลกใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว