Paracetamol (Acetaminophen) ถือว่าเป็นยาแก้ปวดพื้นฐานที่หลายคนคงรู้จัก พวกเรากินพาราเพื่อแก้ปวดอยู่เป็นประจำ ปวดหัว ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามร่างกาย สารพัดปวดเท่าที่จะนึกขึ้นได้ คำถามหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ในเมื่อกินแก้ปวดได้สารพัดอย่างแล้ว Paracetamol กินแก้ปวดใจได้ไหม ความเจ็บปวดทางใจ เช่น อกหัก เสียใจ พาราแก้ไขได้หรือเปล่า
เชื่อขนมกินว่า หลายคนคงคิดว่า คำตอบ คือ “ไม่” แต่ความจริงแล้ว คำตอบ คือ (อาจจะ) “ได้”
งานวิจัยที่น่าสนใจมากชิ้นหนึ่งมีชื่อว่า Acetaminophen Reduces Social Pain : Behavioral and Neural Evidence ถูกทำการศึกษาขึ้นเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ตั้งคำถามว่า ยาพาราเซตามอลแก้ปวดใจได้ไหม โดยสร้างรูปแบบการหาคำตอบเป็น 2 การทดลอง
การทดลองที่ 1 ทำโดยให้ผู้เข้าร่วมการทดลองแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกกินยาพาราเซตามอล อีกกลุ่มกินยาหลอก (Placebo) ที่ไม่มีผลในการแก้ปวด ก่อนจะให้ใช้ชีวิตไปเป็นเวลา 21 วัน และรายการความรู้สึกทางจิตใจแยกในแต่ละวัน
การทดลองที่ 2 ทำโดยใช้เครื่อง fMRI วัดปริมาณการตอบสนองของสมองที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อความเจ็บปวดทางสังคม (Social Pain) ได้แก่ Dorsal Anterior Cingulate Cortex (dACC) และ Anterior Insula โดยเปรียบเทียบระหว่าง คนที่กินยาแก้ปวดพาราเซตามอล เทียบกับ คนที่กินยาหลอก
ผลการทดลองที่ได้น่าสนใจ (มาก)
ผลการทดลองที่ 1 พบว่า ผู้ที่กินยาพาราเซตามอล มีความรู้สึกเจ็บปวดด้าน Social Pain ต่ำกว่า ผู้ที่กินยาหลอก ภายในกรอบเวลา 21 วัน
ผลการทดลองที่ 2 พบว่า ปริมาณการตอบสนองของสมองส่วน dACC และ Anterior Insula ที่แสดงถึง Social Pain ของผู้ที่กินยาพาราเซตามอล มีความรู้สึกเจ็บปวดด้าน Social Pain ต่ำกว่า ผู้ที่กินยาหลอก
ผลการทดลองสรุปว่า Paracetamol สามารถแก้ปวดใจ (Social Pain) ได้ดีกว่ายาหลอกนั่นเอง
อีกงานวิจัยที่น่าสนใจไม่แพ้กันมีชื่อว่า Over-the-Counter Relief From Pains and Pleasures Alike: Acetaminophen Blunts Evaluation Sensitivity to Both Negative and Positive Stimuli โดยการทดลองนี้ให้ผู้ร่วมทดลองให้คะแนนต่อความรู้สึกต่อตัวกระตุ้นด้านอารมณ์ต่างๆ เปรียบเทียบระหว่าก่อนกินยาและหลังกินยา
ผลการลองสรุปว่า การกินยาพาราเซตามอล ทำให้ผู้ร่วมการทดลองตอบสนองต่อตัวกระตุ้นทั้งแง่บวกและแง่ลบลดลง สรุปง่ายๆ ก็คือ ทั้งดีใจยากขึ้น และเสียใจยากขึ้นนั่นเอง
คำถามต่อมา คือ ถ้าเราอกหัก เราควรกินพาราเซตามอลไหม
คำตอบ คือ ไม่!
เหตุผล คือ ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นระบบและพิสูจน์ที่ชัดเจนเพียงพอจะให้ข้อสรุปที่นำมาใช้ในเชิงการแพทย์ได้ การทดลองที่เกิดขึ้นเป็นการทดลองในเชิงตั้งคำถาม แต่ไม่ใช่การทดลองสมบูรณ์ที่จะนำมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ได้
การทดลองที่มีในปัจจุบันสามารถพอจะใช้ตอบคำถามได้ แต่ยังไม่มากพอจะใช้ในการรักษาทางการแพทย์นั่นเอง
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :