ทัศนคติ

คำขอโทษที่จริงใจคือการแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อต้องกล่าวคำขอโทษ

คำขอโทษที่จริงใจคือการแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อต้องกล่าวคำขอโทษ

คำขอโทษที่จริงใจคือการแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อต้องกล่าวคำขอโทษ

 

คำขอโทษเป็นคำพื้นฐานที่เราต่างรู้กันดีว่ามีความหมายอย่างไร สำหรับบางคน คำขอโทษอาจกล่าวได้ง่าย แต่กับบางคน คำขอโทษเป็นสิ่งที่ไม่อาจพูดออกมาได้ หากว่าไม่รู้สึกผิดหรือไม่รู้ถึงเหตุผลที่ต้องกล่าวออกมาอย่างชัดแจ้ง สำหรับบางคน คำขอโทษยังอาจแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ การยอมรับความผิดไว้กับตัวเอง การยอมกล่าวคำขอโทษจึงอาจไม่เกิดขึ้นเลยกับผู้ที่ไม่ต้องการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

 

ไม่ว่าใครจะให้ความหมายกับการขอโทษอย่างไรก็ตาม หน้าที่ของคำขอโทษ ก็ยังคงเป็นการแสดงถึงความรู้สึกผิด และอาจมีส่วนช่วยบรรเทาหรือเยียวยาวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสได้ แต่หากใช้คำขอโทษอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจกลายเป็นการพลิกโอกาสให้กลายเป็นวิกฤตได้ด้วยเช่นกัน ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอนำเสนอสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ เพื่อเสนอแนะแนวทางและข้อควรระวังในการกล่าวคำขอโทษให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้ [1, 2, 3]

 

สิ่งที่ควรทำในการขอโทษนั้นเรียบง่ายและชัดเจน เพียงแค่ถามกับตัวเองและตอบให้ได้ว่าเหตุใดต้องกล่าวคำขอโทษ เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ชัดเจน และรู้สึกผิดจากใจแล้ว การกล่าวคำขอโทษก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่หากในระหว่างทบทวนยังคงมีความคิดว่าตัวเองไม่ผิด ไม่รู้สึกว่าได้ทำให้ใครเดือดร้อน ต่อให้ตั้งใจขอโทษ คำขอโทษนั้นก็จะกลายเป็นเพียงคำพูดเบาบางที่ปราศจากน้ำหนักของความจริงใจ หากไม่ต้องการขอโทษอย่างแท้จริง ไม่กล่าวคำขอโทษออกมาอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการขอโทษโดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด

 

หากแน่ใจว่าต้องการกล่าวคำขอโทษแล้ว วิธีการง่าย ๆ ในการขอโทษอย่างมีประสิทธิภาพ มี 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) กล่าวขอโทษให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา 2) พูดสะท้อนถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ทำลงไป 3) แสดงออกให้เห็นว่าตนเองได้รู้แล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งที่ไม่ดี 4) อธิบายเพิ่มเติมได้ แต่อย่าแก้ตัวอย่างเด็ดขาด 5) อธิบายให้เห็นและรับรองว่าจะพยายามไม่ทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีก และ 6) เตรียมการชดเชยอย่างเหมาะสม หากสามารถทำได้

 

จากที่กล่าวมานี้ การขอโทษดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดาย อย่างไรก็ตาม มีผู้คนไม่น้อยเลยที่ทำพลาดในการขอโทษ คำพูดสองคำที่ไม่ควรใช้ในการขอโทษ คือคำว่า “ถ้า” และคำว่า “แต่” อย่ากล่าวสมมุติถึงเงื่อนไขอื่นใด เช่น “ถ้าวันนั้นเขาไม่ทำอย่างนั้น ฉันคงไม่ทำแบบนี้” หรือ “ถ้าเธอใจกว้างกว่านี้ ก็คงไม่โกรธ” เพราะสิ่งที่ผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องยกการสมมุติหรือโยนความผิดนี้ออกไปให้ใคร คำว่า “แต่” ก็เช่นเดียวกัน อย่าขอโทษ แล้วพูดแย้งเพื่อแสดงการแก้ตัวใดใดเพิ่มเติม หรือเพื่อปัดความผิดออกไปให้พ้นตัว เพราะจะทำให้คำขอโทษที่พูดออกไปหมดความหมายในทันที

 

ไม่ว่าสิ่งที่ผิดพลาดนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน คำขอโทษที่ดีและออกมาจากใจเพียงคำเดียวอาจแก้ปัญหาได้ ในทางกลับกัน แม้เรื่องที่ทำจะเล็กน้อย แต่หากไม่ได้กล่าวคำขอโทษที่เหมาะสมออกไป ปัญหาที่มีก็อาจลุกลามบานปลายได้เกินคาดเดา  ลงทุนศาสตร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้อ่านจะได้รับคำขอโทษที่จริงใจ เมื่อมีใครทำบางสิ่งที่ผิดพลาด และสามารถเป็นผู้ที่กล่าวคำขอโทษที่เหมาะสมได้ เมื่อเป็นฝ่ายที่ทำผิดด้วยเช่นกัน

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE

 

อ้างอิง
[1] Stephanie Sarkis. (September 29, 2019). Apologizing Is A Strength, Not A Weakness. Retrieved from https://www.forbes.com/sites/stephaniesarkis/2019/09/29/apologizing-is-a-strength-not-a-weakness/?sh=7f4b9b864061
[2] Kenji Yoshino and David Glasgow. (March 29, 2023). Never use these 2 words when giving an apology—they make you sound ‘fake and insincere,’ say experts. Retrieved from https://www.cnbc.com/2023/03/29/never-use-these-words-when-saying-im-sorry-that-make-you-sound-fake-say-experts.html
[3] Aditi Shrikant. (March 31, 2023). Use these 6 steps to teach your kids how to say ‘I’m sorry’: ‘A good apology takes ownership’. Retrieved from https://www.cnbc.com/2023/03/31/use-these-6-steps-to-teach-your-kids-how-to-apologize.html

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน