เหตุผลที่ TikTok ถูกแบนในสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศทั่วโลก

ปัจจุบันนี้ TikTok นับเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมล้นหลาม มีผู้ใช้งานมากกว่า 1,925 พันล้านราย โดย 170 ล้านรายเป็นผู้ใช้งานจากสหรัฐอเมริกา ผู้คนใช้งาน TikTok มากขึ้นในแต่ละวัน จากที่เคยใช้เวลาบนหน้าจอเฉลี่ย 27 นาทีในปี พ.ศ. 2562 เพิ่มเป็น 58 นาทีในปี พ.ศ. 2567 โดยกิจกรรมที่ผู้คนชื่นชอบใน TikTok มีตั้งแต่การรับข้อมูลข่าวสาร ความบันเทิง การเต้นประกอบเพลง ไปจนถึงการแกล้งเพื่อความขำขัน [1] อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชันยอดนิยมนี้ไม่ได้ไร้พิษภัยในสายตาของรัฐบาลหลายประเทศ ในครั้งนี้ ลงทุนศาสตร์ขอพาท่านผู้อ่านไปสำรวจเหตุผลที่ TikTok ถูกแบนในสหรัฐอเมริกา รวมถึงหลายประเทศทั่วโลก ดังนี้

TikTok ถูกแบนในสหรัฐอเมริกา โดยในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา แอปพลิเคชัน TikTok ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ByteDance ของจีน ได้ถูกลบออกจากแอปสโตร์ของทั้ง Apple และ Google ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ถูกบังคับด้วยข้อกฎหมายให้เลือกระหว่างขายกิจการ หรือถูกแบน [2] ทั้งนี้ TikTok ไม่ได้เพิ่งถูกแบนในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก แต่ถูกแบนมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งการแบนบางส่วน หรือแบนโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นอัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส อินเดีย อินโดนีเซีย ลัตเวีย เนเธอร์แลนด์ เนปาล นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ ปากีสถาน โซมาเลีย ไต้หวัน รวมถึงสหราชอาณาจักร [3]

เหตุผลที่ TikTok ถูกแบน เป็นเพราะความกังวลด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่ TikTok เป็นบริษัทของจีน รัฐบาลในหลายประเทศจึงมีความกังวลว่าข้อมูลของพลเรือนในประเทศจะถูกส่งต่อให้แก่รัฐบาลจีน และแอปพลิเคชัน TikTok อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่เนื้อหาเพื่อสร้างกระแสปลุกปั่นที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน หรือการสอดส่องเนื้อหาที่ประชาชนในแต่ละประเทศเลือกรับชม รวมถึงการจงใจสร้างเนื้อหาที่ควบคุมความคิดความเชื่อของประชาชนในแต่ละประเทศ นับได้ว่า TikTok อาจเป็นส่วนหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมในยุคดิจิทัล ที่ทำให้จีนกลับมามีอิทธิพลเหนือประเทศอื่นโดยใช้ TikTok เป็นสื่อกลาง [4]

นอกจากนี้ TikTok ยังเป็นแอปพลิเคชันที่รัฐบาลหลายประเทศเฝ้าระวัง เพราะแม้แต่ประเทศผู้ผลิตเช่นจีนก็ไม่เลือกอนุญาตให้พลเมืองในประเทศใช้งาน TikTok ด้วยเช่นกัน ในทางกลับกัน ผู้คนในจีนกลับใช้แอปพลิเคชัน Douyin ที่ถูกสร้างโดยบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่สร้าง TikTok เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะมีบริษัทผู้ผลิตเดียวกัน แต่ Douyin ได้รับการพัฒนาขึ้นก่อน และมีการควบคุมเนื้อหาที่เข้มงวดโดยรัฐบาลจีน โดยมีการจำกัดการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นประเด็นอ่อนไหว รวมถึงกำหนดให้ผู้เล่นอายุต่ำกว่า 14 ปีเข้าถึงเนื้อหาสำหรับเด็กเท่านั้น ใช้งานได้เพียง 40 นาทีต่อวัน และห้ามใช้งานในช่วงเวลา 4 ทุ่ม-6 โมงเช้า [5]

ปัจจุบันนี้ แม้การแบนในสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ข้อสรุปแน่นอน ดังจะเห็นได้ว่า TikTok ที่ถูกลบออกจากแอปสโตร์ของ Google และ Apple ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 18 มกราคม กลับมาให้ดาวน์โหลดได้อีกครั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ [2] แต่ความกังวลด้านความปลอดภัยในข้อมูล และการอาศัย TikTok เป็นช่องทางขยายอำนาจของจีนก็ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่หลายประเทศเฝ้าระวัง จากนี้ไป เราคงได้แต่คอยจับตาดูกันต่อไปว่าการแบน TikTok ในสหรัฐอเมริกาจะมีบทสรุปแบบใด และ TikTok จะต่อสู้กับข้อกังวลที่ทั่วโลกมีต่อการใช้งานแอปพลิเคชันอย่างไร

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE

อ้างอิง
[1] SEO.AI. (January 23, 2025). How many users on TikTok? Statistics & Facts (2025). Retrieved from https://seo.ai/blog/how-many-users-on-tiktok
[2] Soo, Z. (February 14, 2025). TikTok Returns to Apple and Google App Stores in the U.S. After Trump Delayed Ban. Retrieved from https://time.com/7222811/tiktok-app-store-apple-google-us-ban-trump/
[3] Chan, K. (April 26, 2024). These countries have already banned TikTok. Retrieved from https://www.pbs.org/newshour/world/these-countries-have-already-banned-tiktok
[4] The Editors of ProCon (2025, February 14). TikTok. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/procon/TikTok-debate
[5] CNN. (March 24, 2023). TikTok is owned by a Chinese company. So why doesn’t it exist there?. Retrieved from https://edition.cnn.com/2023/03/24/tech/tiktok-douyin-bytedance-china-intl-hnk/index.html