เหตุผลที่ OnlyFans มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2,000 ภายใน 4 ปี
OnlyFans นับเป็นธุรกิจที่น่าสนใจในด้านเนื้อหาที่ฉีกออกจากกรอบสังคมดั้งเดิม นำเสนอเนื้อหาทางเพศที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม เหมาะสมกับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ และดึงดูดให้ผู้ใช้งานยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงเนื้อหา โมเดลธุรกิจของบริษัทแตกต่างจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วไปอย่างเช่น Facebook, TikTok หรือ Instagram ยิ่งไปกว่านั้น OnlyFans ยังดำเนินธุรกิจโดยไม่พึ่งพาแอปสโตร์ของ Apple อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงทำกำไรได้อย่างมหาศาล และมีรายได้เติบโตมากกว่าร้อยละ 2,000 ภายใน 4 ปี [1] ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอพาท่านผู้อ่านไปสำรวจเหตุผลที่ OnlyFans สามารถสร้างรายได้อย่างงดงามตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนี้
หากเราย้อนมองไปถึงความตั้งใจแรกเริ่มของผู้ก่อตั้งบริษัท จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความสำเร็จของ OnlyFans มีที่มาจากความยืดหยุ่นและความกล้าที่จะเปลี่ยน เริ่มแรก OnlyFans ถูกก่อตั้งในปี พ.ศ. 2559 โดย Tim Stokely นักธุรกิจชาวอังกฤษที่ตั้งใจสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงให้ครีเอเตอร์ (ผู้สร้างผลงาน) ได้รับเงินสนับสนุนจากแฟนผู้สนับสนุนผลงานโดยตรง เนื้อหาที่เผยแพร่ใน OnlyFans สามารถเป็นได้ทั้งการทำอาหาร การเล่นกีฬา หรือการร้องเพลง จนกระทั่งต่อมา ในปีพ.ศ.2561 แนวคิดในธุรกิจของบริษัทได้ดึงดูดให้ Leonid Radvinsky นักลงทุนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับแวดวงอุตสาหกรรมความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ และในปี พ.ศ. 2563 การมาถึงของโควิด-19 ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ OnlyFans ได้รับความนิยมแบบพุ่งกระฉูด [2]
โควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการล็อกดาวน์ และพยายามหาช่องทางสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในช่วงเวลาดังกล่าว OnlyFans ได้ดึงดูดให้บรรดาเหล่าคนดังทั้งหลาย เช่น Cardi B, Bella Thorne, Jordyn Woods หรือ Tyga เข้ามาสมัครเป็นครีเอเตอร์ ส่งผลให้ OnlyFans กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืน และทำให้แพลตฟอร์มกลายเป็นพื้นที่พิเศษที่ช่วยให้ศิลปินและแฟนคลับได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเริ่มกลายเป็นพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้นเช่นกัน [2]
นอกจากกระแสที่มาพร้อมกับช่วงเวลาของโรคระบาด OnlyFans ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าได้เป็นอย่างดีจากโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ แตกต่างจากแพลตฟอร์มคู่แข่งอื่น ๆ อย่างโดดเด่น หากเทียบกันกับบริการอื่นที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ด้วยการกดติดตามและสมัครสมาชิกของแพลตฟอร์มแล้ว OnlyFans เลือกที่จะให้ลูกค้าลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังจากสมัครเข้าใช้งานแล้ว ผู้ใช้บริการสามารถเลือกพิจารณาและกดติดตามครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบด้วยตนเอง ครีเอเตอร์และผู้ติดตามสามารถติดต่อกันได้ผ่านข้อความส่วนตัว โดยครีเอเตอร์สามารถกำหนดให้ผู้ติดตามต้องจ่ายเงินในราคาที่กำหนด เพื่อที่จะเห็นรูปภาพหรือข้อความตอบกลับ การเปิดกว้างให้ครีเอเตอร์และผู้ติดตามติดต่อกันเองโดยตรง และจ่ายเงินให้ตามที่ผู้ใช้งานพึงพอใจ ส่งผลให้ OnlyFans ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน [3]
บริษัทเรียกเก็บเงินเป็นส่วนแบ่งในรายได้ของครีเอเตอร์ร้อยละ 20 ดังนั้น ความสำเร็จของครีเอเตอร์ จึงเท่ากับความสำเร็จของบริษัท การสนับสนุนให้ครีเอเตอร์เรียกรับเงินได้จากผู้ติดตาม และความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนธุรกิจส่งผลให้ OnlyFans มีรายได้มากถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีพ.ศ.2566 และยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นต่อไป [1] จากนี้ไป เราคงได้แต่คอยจับตาดูกันต่อไปว่า OnlyFans จะสร้างดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร จะมีแพลตฟอร์มคู่แข่งที่ใช้โมเดลธุรกิจคล้ายกันหรือไม่ และจะประสบความสำเร็จเช่นไรในอนาคต
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
อ้างอิง
[1] The Wall Street Journal. (December 31, 2024). How OnlyFans Made $6.6B Without Apple’s App Store. Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=M4pbQPBo67s
[2] Social Rise. (October 17, 2024). What is OnlyFans? How the Site Works and Why It’s So Popular. Retrieved from https://social-rise.com/blog/what-is-onlyfans
[3] Capriles, C. and Munoz, J.C. (January 11, 2025). How Technology and Business Strategies Fueled OnlyFans Success. Retrieved from https://www.cccreative.design/blogs/how-technology-and-business-strategies-fueled-onlyfans-success
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :