ราคาบิตคอยน์ขึ้น แต่ก็ยังมีคนขาดทุน

ถึงแม้ว่าในวันนี้ ราคาบิตคอยท์จะปรับตัวสูงขึ้นจนสร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ (all time high) ซึ่งมีราคา 3,400,000 บาท ต่อ 1 BTC (21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024) และแน่นอนว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อย ที่สามารถทำกำไรได้จากการเปลี่ยนแปลงราคาในครั้งนี้ แต่ในทางกลับกัน ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่ต้องขาดทุน เพราะพวกเขาได้ทำการเปิด short sell เอาไว้นั่นเอง

หากอธิบายแบบง่าย ๆ การ short sell นั้น คือหนึ่งในวิธีการซื้อขายในตลาดการเงินทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น พันธบัตรรัฐบาล หุ้น ดัชนีหุ้น ทองคำ หรือคริปโตเคอเรนซี แต่อยู่ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกันกับการทำกำไรแบบปรกติอย่างการซื้อถูกขายแพง โดยจะทำกำไรในช่วงขาลงแทน

short sell คือการที่นักลงทุนเชื่อว่า เหรียญที่ต้องการลงทุนจะมีราคาลดลงในอนาคต จึงยืมมาขายก่อนที่จะกลับไปซื้อตอนเหรียญมีราคาต่ำกว่า ซึ่งวิธีนี้ นักลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มอัตราทดหรือ Leverage ได้อีกด้วย นับได้ว่า เป็นการเพิ่มมูลค่าของสัญญาเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้นในขณะที่เงินทุนเท่าเดิม โดยมีตั้งแต่ 0-125 เท่าเลยทีเดียว เมื่อครบกำหนดปิดสัญญาในฝั่งของผู้ให้ยืม ก็จะได้รับเหรียญคือพร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราตามที่ได้กำหนดไว้

ช่วงที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ได้วิ่งอยู่ในกรอบ side way มาพักใหญ่ จนกระทั่งช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ เริ่มมีแรงซื้อมากขึ้น จากสถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา จนทำให้ราคาเพิ่มสูงในระยะเวลาสั้น ๆ โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 19% นับตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักลงทุนบางส่วนมองว่าอาจมีแรงเทขาย หรือมีแนวโน้มที่ราคาอาจมีการปรับตัวลงในอนาคต จนตัดสินใจเปิด short position เพื่อหวังเก็งกำไรในขาลง แต่กลับกลายเป็นว่า ราคาบิตคอยน์กลับขึ้นสวนทางการเปิด short อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญ คือได้รับแรงหนุนจากการได้รับชัยชนะของผู้สมัครพรรครีพับลิกันอย่างทรัมป์ ที่สามารถคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากลับมาได้อีกสมัย นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการที่ทรัมป์ได้ประกาศนโยบายสนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอีกด้วย ส่งผลให้กระแสราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นตาม ซึ่งนั่นทำให้นักเก็งกำไรระยะสั้นที่เปิด short sell หลายคนถึงกับขาดทุน และหากนักลงทุนคนไหน มีการเพิ่มอัตราทดร่วมด้วยยิ่งจำนวนคูณมากเท่าไร นั่นยิ่งทำให้มูลค่าที่ขาดทุนก็จะสูงตามขึ้นไปอีก

ถึงแม้ว่าการshort sellจะมีข้อดีคือเพิ่มโอกาสและผลตอบแทน แต่ก็มีความเสี่ยงสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยนักลงทุนอาจสูญเสียเงินได้ทั้งจำนวน หากเดาทิศทางราคาผิดพลาด