TOP10 หุ้นผลตอบแทนยอดแย่ประจำปี 2018

ผ่านไปอีกกับอีกหนึ่งปีสุดบีบคั้นหัวใจ ปี 2018 ถือเป็นปีที่น่าเหน็ดเหนื่อยสำหรับนักลงทุนหลายคน จากดัชนี SET index ที่ปิดปี 2017 ที่ 1,753.71 จุด ลดลงมาเหลือเพียง 1,563.88 จุด หรือคิดเป็นผลตอบแทน -10.82% ซึ่งถือว่าลดลงไม่น้อยเลยสำหรับภาพรวม ยิ่งมามองหุ้นรายตัวก็พบว่า หุ้นผลตอบแทนยอดแย่ประจำปี 2018 นั้นหลายตัวเรียกว่าผิดคาดหรือพลิกโผมากทีเดียว แต่จะมีตัวไหนบ้าง ไปดูอันดับกันได้เลย

TOP10 หุ้นผลตอบแทนยอดแย่ประจำปี 2018

1 DCORP

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : บริษัทประกอบธุรกิจหลัก ดังนี้ ธุรกิจมีเดีย ธุรกิจนวัตกรรม และธุรกิจพลังงานทดแทน

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 3.98 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 0.50 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -87.44%

2 ACAP

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : 1. ธุรกิจการให้สินเชื่อ แบ่งเป็น สินเชื่อภาคธุรกิจ (Corporate Loan) และสินเชื่อรายย่อย (Retail Loan) 2. ธุรกิจให้บริการรับจ้างดำเนินงาน (Business Process Outsource Services) เช่น ให้บริการ Call center และ การติดตามหนี้ 3. ธุรกิจให้บริการด้านที่ปรึกษากฎหมายและสอบทานกระแสเงินสด (Cash Monitoring)

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 14.10 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 2.74 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -80.57%

3 MALEE

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายผลไม้กระป๋องและน้ำผลไม้ ภายใต้เครื่องหมายการค้า มาลี โดยมีจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 38.25 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 8.00 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -79.08%

4 DDD

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า “NAMU LIFE” โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่า “SNAILWHITE” และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่น (OEM)

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 88.50 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 18.80 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -79.76%

5 JMART

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : บริษัทมีสถานะเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี หรือประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลักของบริษัทแกนคือ จำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักทุกรายและผู้ให้บริการทุกเครือข่ายรวมถึงการขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดจัดจำหน่ายกล้องดิจิตอล และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 18.00 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 4.74 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -73.67%

6 WORK

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : ผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศและขายโฆษณาในสถานีโทรทัศน์ของบริษัท ซึ่งออกอากาศในระบบดิจิทัล

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 84.25 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 23.30 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -72.34%

7 DIGI

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 0.72 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 0.21 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -70.83%

8 CPT

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้า จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 2.22 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 0.65 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -70.72%

9 BEAUTY

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : จำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 4 ประเภทได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Make-up) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin care) อุปกรณ์เสริม (Accessories) และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ( Food Supplement ) ภายใต้แนวคิด 5 รูปแบบ ได้แก่ บิวตี้ บุฟเฟต์(BEAUTY BUFFET), บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE), บิวตี้ มาร์เก็ต (BEAUTY MARKET), เมด อิน เนเจอร์ (MADE IN NATURE), และบิวตี้ พลาซ่า (BEAUTY PLAZA) ซึ่งแต่ละแนวคิดจะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และตำแหน่งทางการตลาด เพื่อการตอบสนองความต้องการต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 20.80 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 6.55 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -68.51%

10 GJS

ลักษณะการประกอบธุรกิจ : ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสายผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ 1. เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 2. เหล็กแผ่นรีดร้อนปรับสภาพผิวชนิดม้วน 3. เหล็กแผ่นรีดร้อนล้างผิวและเคลือบน้ำมัน

ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2017 : 0.38 บาท
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2018 : 0.12 บาท
ผลตอบแทนรวมของปี 2018 : -68.42%

ต่างกับหุ้นตอบแทนยอดเยี่ยมประจำปี 2018 โดยสิ้นเชิง ตรงที่หุ้นยอดแย่นั้นเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี แถมยังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันอีกด้วย ถือได้ว่าอันดับทั้ง 10 แสดงถึงผลตอบแทนตลาดที่ค่อนไปทางลบได้อย่างดี