ถุงยางอนามัยคือสิ่งที่ไม่มีสินค้าทดแทนจริงเหรอ?
หากจะตอบคำถามนี้ได้คงต้องเริ่มต้นตั้งคำถามใหม่ว่าถุงยางอนามัยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ในทางการแพทย์ ถุงยางอนามัยถูกใช้หลักๆ เพื่อจุดมุ่งหมาย 2 อย่างคือ คุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในแง่ของการคุมกำเนิด ถุงยางอนามัยถือว่ามีสินค้าทดแทนจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาคุมกำเนิดที่ไม่รบกวนความรู้สึกของการมีเพศสัมพันธ์เหมือนถุงยางอนามัย นอกจากนั้นยังช่วยคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพได้สูงกว่าอีกด้วย
ข้อมูลจากหนังสือ Contraceptive Technology บ่งชี้ว่ายาคุมกำเนิดแบบเม็ดสามารถลดอัตราการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 92% ในขณะที่ถุงยางอนามัยลดได้เพียง 88% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ 15% ดังนั้น ในแง่ของการคุมกำเนิด ถุงยางอนามัยถือว่ามีสินค้าทดแทนอย่างชัดเจน
หันมามองในแง่ของการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ้าง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในปัจจุบันนั้นมีอยู่จำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม ฝีมะม่วง หูดหงอนไก่ ไล่ไปจนถึงโรคติดเชื้อ HIV แน่นอนว่าโรคส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาได้โดยการกินยาปฎิชีวนะ แต่มีโรคสำคัญคือโรคติดเชื้อ HIV ที่ตอนนี้ยังไม่มียารักษาให้หายขาด ทำให้ถุงยางอนามัยกลายเป็นเครื่องป้องกันสำคัญสำหรับบุคคลทั่วไป และเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ถุงยางอนามัยก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV เป็นสำคัญ
การป้องกันการติดเชื้อ HIV ไม่มีสินค้าทดแทนจริงเหรอ?
ยาPrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV โดยในปัจจุบัน ยาที่ใช้ในกลุ่มนี้คือ Truvada ผลิตโดยบริษัทยาชื่อ GILEAD ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาด NASDAQ
ยา Truvada เป็นยาสูตรผสมระหว่าง Tenofovir และ emtricitabine โดยยาทั้งสองตัวจะออกฤทธ์ยับยั้ง HIV reverse transcriptase เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในร่างกายผู้ใช้ยา โดยยาPrEP จะใช้ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโดยผู้ใช้ยาต้องกินยาทุกวันวันละ 1 เม็ด
ในแง่ของประสิทธิภาพ งานวิจัยชื่อว่า The Partners PrEP trial บ่งชีว่ายา Truvada สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้สูงถึง 73% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ cochrane database of systematic reviews บ่งชี้ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ 80% ซึ่งถือว่าการพัฒนายาป้องกันการติดเชื้อ HIV พัฒนามาไกลมากๆ จากในยุคสมัยแรกๆ ที่เราแทบจะไม่มีความหวังในการป้องกันเชื้อเลย
ขีดเส้นใต้ย้ำตรงนี้ว่าผู้มีความเสี่ยงควรใช้ PrEP ควบคู่กับถุงยางอนามัยเสมอ
เพราะถึงแม้ว่าทั้งสองวิธีจะมีประสิทธิภาพทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวิธีก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% การใช้ควบคู่กันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้
ในอนาคต ยาป้องกันการติดเชื้อ HIV อาจจะพัฒนาไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับการใช้ถุงยางอนามัยแบบดั้งเดิม
ดังนั้น คำกล่าวที่ว่าถุงยางอนามัยคือสิ่งที่ไม่มีสินค้าทดแทนนั้นอาจจะไม่จริง 100% นัก เพราะถ้าเมื่อไหร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถรักษาหรือป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ การใช้ถุงยางอนามัยก็คงไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยเหตุผลทางความรู้สึกที่หลายท่านคงทราบกันดี
อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ ความรุนแรงของสินค้าทดแทนดังกล่าวอาจจะมาไม่ได้ไวเท่าไหร่นัก
เพราะอย่างไร แพทย์ก็น่าจะแนะนำให้ใช้ควบคู่กันไปจนกว่าจะมีความมั่นใจมากว่ายาใหม่ที่พัฒนาขึ้นได้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์จริงๆ แต่ในเชิงธุรกิจ การศึกษาและเข้าใจองค์ประกอบของอุตสาหกรรมอย่างรอบด้านก็มีประโยชน์ต่อนักลงทุนกว่าเสมอ
ผู้ที่ขับรถโดยระลึกความตายอยู่เสมออาจจะไม่มีโอกาสได้ตายจากการขับรถก็เป็นได้ ในขณะที่ผู้ที่ขับรถโดยไม่เคยคิดถึงความตายเลยก็อาจจะได้พบกับความตายได้อย่างรวดเร็ว
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :