ทัศนคติ

หยุดอิจฉากันสักนิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มุมมองต่อความอิจฉา โดย ชาร์ลี มังเกอร์

หยุดอิจฉากันสักนิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มุมมองต่อความอิจฉา โดย ชาร์ลี มังเกอร์

หยุดอิจฉากันสักนิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มุมมองต่อความอิจฉา โดย ชาร์ลี มังเกอร์

 

การเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตนเองไม่ได้ นับเป็นความทุกข์ทรมานในใจอย่างหนึ่ง ความทุกข์อันเป็นบาปนี้ปรากฏชัดในคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าที่กำหนดให้ความอิจฉาริษยานั้นเป็นหนึ่งในบาปเจ็ดประการ นอกจากนี้ ในแวดวงนักลงทุนก็มีการกล่าวถึงโทษของความอิจฉาริษยาไว้เช่นเดียวกัน ชาร์ลี มังเกอร์ มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้เป็นมือขวาให้แก่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เคยได้กล่าวถึงความอิจฉาไว้เช่นกันว่า “โลกทั้งใบไม่ได้หมุนไปด้วยความโลภ แต่ขับเคลื่อนไปด้วยความอิจฉา”

 

แม้ว่า ชาร์ลี มังเกอร์ อาจไม่ใช่บุคคลแรกที่กล่าวประโยคสุดคลาสสิกนี้ แต่ตัวเขาเองก็ได้กล่าวย้ำถึงโทษของความอิจฉาอยู่อีกหลายหน ในครั้งนี้ ลงทุนศาสตร์ได้รวบรวมมุมมองของ ชาร์ลี มังเกอร์ ที่มีต่อความอิจฉา เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาบาปประการนี้ในทัศนะของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ไปพร้อมกัน ดังต่อไปนี้

 

ความอิจฉาเป็นบาปที่โง่งม เพราะแม้แต่ตัวผู้ที่อิจฉาก็ไม่มีทางที่จะมีความสุขขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้น โลกใบนี้กำลังถูกขับเคลื่อนไปด้วยความริษยา ชาร์ลี มังเกอร์ แสดงความเห็นไว้ว่า ต่อให้ผู้คนยากลำบากน้อยลงกว่าในยุคสมัยเมื่อเขายังเด็กซึ่งเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามากนัก ผู้คนก็ยังคงอิจฉากัน ความอิจฉาเป็นสิ่งเลวร้ายที่ไม่เพียงแต่บั่นทอนจิตใจ แต่ยังบั่นทอนความสำเร็จ สำหรับตัวเขาแล้ว ความอิจฉาเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องระวังอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ เพราะความรู้สึกเหล่านี้มักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด และผลลัพธ์ของการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ก็มักจะพังพินาศเสมอ [2]

 

แม้ความอิจฉาจะเป็นบาปที่เลวร้ายและไม่ให้ความสุขกับผู้ที่ถือครองความอิจฉาไว้เลย แต่ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ผู้คนก็ยังยากที่จะสลัดความอิจฉาทิ้งไปได้ ในกรณีนี้ มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ได้ให้คำแนะนำไว้เพียงว่า หากต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งหนึ่งที่พอทำได้ อาจจะเป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่น ‘การหยุดบ่น’ การพร่ำโทษโชคชะตาว่าทำไมตนเองไม่ได้ดีเท่าใครเขา ทำไมตัวเราไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้มีแต่จะทำให้สุขภาพจิตติดลบ การหันมองในสิ่งที่ตัวเองมีและหาทางพัฒนาตนเองอาจเป็นหนทางที่ช่วยให้ก้าวข้ามความอิจฉาไปได้ในที่สุด [3]

 

มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวย้ำอีกว่า การควบคุมความอิจฉาริษยาไว้ให้ได้ นับเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขบานประตูของความมั่งคั่ง ความสำเร็จ และชีวิตที่เป็นสุข ตัวเขาเองนับเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยติดอันดับโลก แต่แน่นอนว่ายังมีผู้คนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จกว่าเขาอยู่อีกมากมาย สิ่งที่ทำให้ตัวเขาเองยังคงมีความสุข คือการที่เขาไม่เคยอิจฉาริษยาใคร ไม่มองไปที่ผู้อื่นและคิดเปรียบเทียบว่าใครมีสิ่งใด “ใครบางคนจะร่ำรวยรวดเร็วกว่าคุณอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่นับเป็นโศกนาฏกรรมแต่อย่างใด” ชาร์ลี มังเกอร์กล่าวไว้เช่นนั้น  [4]

 

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE

 

อ้างอิง
[1] 100baggersinvestor. (February 20, 2022). Charlie Munger: Envy, Not Greed, That Runs (Ruins) The World | Ep. 1(ENG CC SUB). Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=20M26u0kFzE
[2] Tom Huddleston Jr. (December 10, 2022). Billionaire investor Charlie Munger: ‘The world is not driven by greed, it’s driven by envy. Retrieved from https://www.cnbc.com/2022/12/10/billionaire-charlie-munger-world-is-driven-by-envy-not-greed.html
[3] Tom Huddleston Jr. (December 27, 2022). Stop complaining, says billionaire investor Charlie Munger: ‘Everybody’s five times better off than they used to be’. Retrieved from https://www.cnbc.com/2022/12/27/charlie-munger-stop-complaining-about-wealth-inequality-life-quality.html
[4] Benzinga. (May 15, 2023). Billionaire Charlie Munger Reveals Key To Wealth, Health And Happiness: Conquer 1 Basic Human Emotion. Retrieved from https://markets.businessinsider.com/news/stocks/billionaire-charlie-munger-reveals-key-to-wealth-health-and-happiness-conquer-1-basic-human-emotion-1032328557

 

อัพเดทล่าสุดเมื่อ :

เกี่ยวกับผู้เขียน

ลงทุนศาสตร์

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่เบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนที่รักหรือมีทีท่าว่าจะรักในศาสตร์ของการลงทุนเหมือนกัน