Black Tuesday วันอังคารทมิฬ วันที่ตลาดหุ้นดิ่งตัวลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

Black Tuesday ถือเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Great Depression) ครั้งใหญ่ครั้งสำคัญที่กินระยะเวลายาวนานถึง 10 ปี ส่งผลกระทบต่อประเทศอุตสาหกรรมและประเทศที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมในหลายส่วนของโลก โดยมีสัญญาณในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 เมื่อมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดลงและตลาดหุ้นอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ.1929 ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาต้องสั่นสะเทือน เมื่อผู้คนต่างพากันรีบขายหุ้นและออกจากตลาด ซึ่งเป็นการขายที่เกิดจากความตื่นตระหนก หรือ panic selling จนกระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกลงสู่จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งช่วงเวลานั้นดัชนีหุ้น Dow Jones หรือ Dow Jones Industrial Average (DJIA)) ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยร่วงลงถึง 12% ในวันเดียว

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ Black Tuesday นั้น กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษที่ 1920 ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกามีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และดำเนินต่อเนื่องไปในช่วงหกเดือนแรกหลังจากที่ ประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ เข้ารับตำแหน่ง ในเดือนมกราคม ค.ศ.1929 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวราคาหุ้นได้พุ่งสูงขึ้นจนสู่จุดสูงสูดเป็นประวัติการณ์ และถูกเรียกว่าเป็น “ตลาดกระทิงฮูเวอร์ (Hoover bull market)” จากสถานการณ์นี้นี่เองที่ดึงดูดผู้คนเข้าสู่ตลาดหุ้น ตั้งแต่เจ้าสัวธนาคาร เจ้าของอุตสาหกรรม เจ้าของธุรกิจและบริการต่าง ๆ ไปจนถึงคนทั่วไป

ทุกคนต่างคาดการณ์ว่าตลาดจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้เงินหลายพันล้านดอลลาร์หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดวอลล์สตรีท โดยมีหุ้นประมาณ 300 ล้านหุ้นที่มีอัตรากําไรขั้นต้น ผลักดันให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 381 จุด ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1929 ไม่นานนักตลาดก็ค่อย ๆ ลดมูลค่าลง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปรกติ

การเก็งกำไรยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1929 หรือที่เรียกกันว่า “วันพฤหัสทมิฬ Black Thursday” ซึ่งถือเป็นวันที่เริ่มต้นความตื่นตระหนกที่แท้จริง เมื่อผู้คนเริ่มรับรู้ถึงสัญญาณของความไม่ปรกติ ในวันนั้นมีการซื้อขายหุ้นถึง 12.9 ล้านหุ้น จนกระทั่งในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ.1929 หรือ ที่รู้จักกันดีในชื่อของ Black Tuesday ตลาดหุ้นได้ดิ่งตัวลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนต่างพากันเทขายหุ้นเพื่อออกจากตลาดให้เร็วที่สุด ส่งผลให้ในวันนั้นกลายเป็นวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกลงสู่จุดต่ำสุดเป็นประวัติกาล

เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Great Depression) ครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบรุนแรงและดำเนินเป็นระยะเวลายาวนาน เกิดการชะลอตัวการผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาโดยลดลงร้อยละ 47 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ลดลงร้อยละ 30 และมีอัตราการว่างงานมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยังได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับหลายประเทศ เพียงแต่มีความแตกต่างกันในระดับของความรุนแรง จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 1930 เมื่อเริ่มเข้าสู่สงครามโลกครั้ง 2 ความต้องการแรงงานและกำลังผลิตในช่วงเวลานั้นเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย จึงทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสิ้นสุดลง