การลงทุนไม่ใช่วิธีรวยทางลัด แต่คือการจัดสรรเงินระยะยาว มุมมองการลงทุน โดย Howard Marks

การลงทุนไม่ใช่วิธีรวยทางลัด แต่คือการจัดสรรเงินระยะยาว มุมมองการลงทุน โดย Howard Marks

Howard Marks ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานร่วมของ Oaktree Capital Management ที่สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในเหล่านักลงทุนแบบเน้นคุณค่า การลงทุนของเขาประสบความสำเร็จจนปัจจุบันนี้มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่มากถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [1] ผู้คนมักถามถึงเคล็ดลับการลงทุนของเขาอยู่เสมอ และในการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง [2,3] Howard Marks ก็มักจะยืนยันว่า สำหรับเขาแล้ว การลงทุนไม่ใช่เรื่องของการคิดจะรวยทางลัดในเวลาอันสั้น แต่เป็นการบริหารจัดการเงินในระยะยาว

ในการลงทุน หากนักลงทุนมองการเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงโชค นักลงทุนก็มีแต่จะหวั่นไหวไปกับคำโฆษณา กระแสสังคม ข่าวลือข่าวหลอกที่บอกว่าหุ้นบางตัวกำลังมาแรง และเมื่อการลงทุนไม่เป็นไปดังหวัง นักลงทุนก็อาจมองว่าตนเองโชคไม่ดี ไม่มีดวงด้านการลงทุน ทั้งที่แท้จริงแล้ว การลงทุนไม่ได้เป็นแค่การร่ำรวยชั่วข้ามคืน แต่เป็นการวางแผนลงทุนในระยะยาว นักลงทุนต้องใจเย็นพอจะรอคอยจังหวะ และใจกว้างพอจะมองเห็นในภาพรวม พิจารณาข้อมูล และเลือกลงทุนด้วยตนเอง [2]

วิธีการลงทุนที่นักลงทุนทั่วไปเลือกทำมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือการลงทุนแบบ top down เลือกพิจารณาปัจจัยที่อยู่เหนือสุด ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของบริษัท ผลประกอบการของบริษัท วิสัยทัศน์ของบริษัท จากนั้นจึงเลือกลงทุนหุ้นในบริษัทนั้น และรอคอยเฝ้าดูผลการลงทุนอย่างใจเย็น ในขณะที่การลงทุนแบบที่สองคือการลงทุนแบบ bottom up เลือกลงทุนโดยพิจารณาจากราคาหุ้นซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ปลายทางล่างสุด เลือกหุ้นที่ถูกที่สุด อาจเป็นการยากหากจะชี้ชัดไปว่าการลงทุนแบบไหนดีที่สุด หุ้นที่ถูกไม่ได้แปลว่าจะเป็นหุ้นที่ไม่ดีเสมอไป แต่ในทางกลับกัน หุ้นจากบริษัทที่ดีก็ไม่จำเป็นต้องมีราคาถูก ดังนั้น นักลงทุนต้องพิจารณาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ [3]

ทั้งนี้ จังหวะในการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับการอ่านสถานการณ์ให้ออกในแต่ละครั้ง นักลงทุนควรรู้จังหวะที่ตนเองพร้อมสำหรับการลงทุน รวมถึงจังหวะที่ควรถอยออกมา ในการตัดสินใจเรื่องเหล่านี้ คำพยากรณ์จากตลาดหุ้นรวมถึงสถานการณ์โลกอาจไม่ได้บ่งบอกอะไรเลย ต่อให้รัสเซียจะรบกับยูเครน หรือจะอยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์เงินเฟ้อ หากบริษัทที่เลือกลงทุนมีการจัดการที่ดี ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาและยังคงทำกำไรให้ต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ แม้บริษัทจะยังดำเนินกิจการต่อไปได้ดี แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงไม่ไหว ก็ควรต้องพิจารณาจากตัวเองเป็นหลัก และเลือกพิจารณาว่าจะไปต่อ หรือถอยกลับมาตั้งหลักก่อนด้วยเช่นกัน [3]

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อาจสรุปได้ว่า การลงทุนไม่อาจเป็นปาฏิหาริย์ที่สร้างเศรษฐีได้ข้ามคืน แต่เป็นการเฝ้ารอคอยจังหวะที่เหมาะสมอย่างยาวนานเพื่อจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้จากโอกาสที่อาจผ่านมาเพียงชั่วขณะเดียว