เม่า หรั่ง กอง ปอบ ใครซื้อใครขายแล้วสำคัญที่สุด
ทุกสิ้นวันหลังปิดตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการประกาศข้อมูลสรุปการซื้อขายที่เว็บไซต์ www.set.or.th โดยจะบอกถึงปริมาณซื้อขายรวมตลอดวัน รวมไปถึงปริมาณการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละกลุ่มด้วย โดยนักลงทุนหลักจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ นักลงทุนรายย่อย , นักลงทุนต่างชาติ , นักลงทุนสถาบัน และบัญชีโบรกเกอร์ โดยในภาษาหนังสือพิมพ์หุ้น จะใช้ชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า เม่า หรั่ง กอง และปอบ ตามลำดับ
บัญชีโบรกเกอร์ คือ Trend Follower
บัญชีโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีปริมาณการซื้อขายต่อวันไม่มาก บัญชีกลุ่มนี้มักเป็น Proprietary Trader นักเทรดที่เทรดเพื่อสร้างผลกำไรให้กับตัวบริษัทโบรกเกอร์เอง กลุ่มนี้มักเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก เน้นเทคนิคคอล ดังนั้น การลงทุนจึงมักจะเป็นไปตามเทรนด์ ขาขึ้นซื้อ ขาลงขาย และสวนตลาดบ้างเมื่อเกิด Divergence มักไม่ค่อยชี้นำตลาดมาก เพราะเน้นตามเทรนด์
นักลงทุนรายย่อย คือ นักสวนตลาด
หากวันไหนตลาดหุ้นขึ้นมาก นักลงทุนรายย่อยมักจะขาย หากวันไหนตลาดหุ้นลงมาก นักลงทุนรายย่อยมักจะซื้อ เหตุผลส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนรายย่อยมักเล่นหุ้นขนาดเล็กหรือกลางมากกว่านักลงทุนกลุ่มอื่น เม็ดเงินเท่ากันจึงส่งผลต่อดัชนีไม่เท่ากัน และถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนเงินในตลาดหุ้นมาก แต่ต่างคนก็ต่างซื้อต่างขาย ลักษณะการลงทุนจึงมักจะเป็นเชิงรับมากกว่าจะชี้นำตลาดหุ้น
นักลงทุนสถาบัน คือ ผู้ชี้นำตลาดได้
นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มกองทุน คือ นักลงทุนที่ถือเงินไว้เป็นจำนวนมาก กองทุนหนึ่งอาจจะมีเงินหลายพันล้าน หลายหมื่นล้าน และการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนหลักสิบ การตัดสินใจมีเสถียรภาพกว่า มีหลักคิด มีทฤษฎีรองรับ การตัดสินใจของสถาบันจึงมักจะชี้นำตลาดได้ หลายครั้งที่ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงมาก สถาบันมักเป็นคนซื้อหรือขายขึ้นมาก่อน สิ่งสำคัญที่รายย่อยควรรู้ คือ กองทุนรวมหุ้นมีข้อกำหนดว่าต้องถือครองหุ้นให้ถึงสัดส่วนเมื่อปิดสมุดทะเบียน ดังนั้น ต่อให้กองทุนขายหุ้นออกมามาก แต่เมื่อจะปิดสมุดทะเบียน กองทุนก็ต้องกลับมาซื้อหุ้นเพื่อรักษาสัดส่วนการถือครองอยู่ดี ยกเว้นว่าผู้ถือกองทุนจะขายหน่วยลงทุนทิ้งไปจริง ๆ
นักลงทุนต่างชาติ คือ คนที่ต้องจับตามองที่สุด
ในนักลงทุน 4 กลุ่ม กลุ่มที่มีเงินมากที่สุด และน่าจับตามองที่สุด คือ นักลงทุนต่างชาติ หากเปรียบเทียบกับขนาดหุ้นโลกแล้ว ตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กมาก เม็ดเงินจากต่างชาติสามารถชี้นำตลาดได้อย่างง่ายดาย เมื่อซื้อก็ซื้อได้มาก แต่เมื่อขายก็อาจขายจริงและไม่กลับมาซื้ออีก การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจึงเป็นสัญญาณที่นักลงทุนหลายคนสนใจ แต่ปริมาณการขายควรดูอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทประกอบด้วย เพราะต่างชาติขายและเอาเงินออกจากประเทศจริง เงินบาทไทยควรจะอ่อนค่า แต่ถ้าเงินบาทไม่อ่อน นักลงทุนต่างชาติอาจหมุนเงินไปไว้ในตลาดตราสารหนี้ และรอกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง
ในมุมมองของผม สัญญาณการซื้อขายของต่างชาติสำคัญที่สุด รองลงมาคือการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันช่วยใกล้ปิดสมุดทะเบียน
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :