BAFS หรือบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2526 ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ดําเนินการตามความเห็นและมติสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการจัดตั้ง โครงการเติมน้ำมันอากาศยาน (อ่านเพิ่มเติมเรื่องหุ้นท่าอากาศยาน : ACV = AOT เวียดนาม)
บริษัทประกอบธุรกิจหลัก คือการให้บริการระบบจัดเก็บและเติม น้ำมันอากาศยานในท่าอากาศยาน 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง สมุย สุโขทัย และตราด โดยมีขอบเขตการให้บริการประกอบด้วย 3 ส่วนดังนี้
- การจัดเก็บน้ำมันอากาศยานที่สถานีบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยาน (Aviation Fuel Depot)
- การส่งน้ำมันอากาศยานผ่านระบบโครงข่ายท่อแรงดันสูง (Hydrant Pipeline Network)
- การให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน (Into- Plane Services)
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัทประกอบด้วย
- บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จํากัด (TARCO) ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานผ่านท่อใต้ดิน ณ ท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ
- บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จํากัด (FPT) ให้บริการเก็บรักษาและขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Multi Product ผ่านท่อ ใต้ดินจากโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันช่องนนทรีไปยังสถานีบริการนํ้ามันอากาศยานสุวรรณภูมิ สถานีบริการ น้ำมันอากาศยานดอนเมืองและสิ้นสุดที่คลังน้ำมันภาคพื้นดินบางปะอิน
- บริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน จํากัด (IPS) ให้บริการรับเหมาแรงงานเติมน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสมุย สุโขทัย และตราด
รายได้หลักของบริษัทมาจากบริษัทแม่ ประมาณ 60% จากการให้บริการสถานี จัดส่ง และเติมน้ำมันอากาศยาน อีก 20% มาจาก TARCO ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ และ 20% สุดท้ายมาจาก FPT ที่ทำธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อจากโรงกลั่นและคลังไปยังสถานีบริการเพื่อกระจายสู่ภูมิภาคต่อไป
SEAOIL หรือบริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทนกลุ่มนทลิน ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2540 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยบริษัททำธุรกิจจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นให้กับเรือเดินทะเล เช่น เรือขนส่งสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน เรือประมง และเรือห้องเย็น เป็นต้น ซึ่งลูกค้าของบริษัท ได้แก่ เรือเดินทะเลภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และเรือที่มาจากต่างประเทศด้วย ในปี 2553 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจจัดหาน้ำมันให้กับลูกค้าทางบกเพิ่มเติม โดยมีกลุ่มลูกค้า ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจขนส่งโดยสาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลูกค้าในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา พม่า อีกด้วย
รูปแบบการทำธุรกิจคือลูกค้าจะสั่งซื้อน้ำมันมาที่บริษัท และบริษัทจะสั่งซื้อไปยังผู้ผลิตน้ำมันหรือผู้ขนส่งน้ำมันต่อ โดยบริษัทไม่มีการลงทุนในคลังน้ำมันหรือพาหนะขนส่งน้ำมัน ในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้ไปส่งน้ำมันถึงกลางทะเล บริษัทจะจัดจ้างพาหนะขนส่งไปขนส่งให้กับลูกค้าโดยมีคนของบริษัทร่วมเดินทางไปเพื่อตรวจสอบคุณภาพในการขนส่งด้วย
นอกจากธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันแล้ว บริษัทยังมีบริการจัดหาอาหารและบริการสนับสนุนพนักงานแหล่งขุดเจาะน้ำมันและก๊าซทั้งทางบกทางทะเลอีกด้วย เช่น การให้บริการด้านอาหาร การทำความสะอาด และการซักรีด
SEAOIL ยังถือหุ้นในบริษัทร่วมค้า แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด (POES) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและสำรวจปิโตรเลียมบนบกในประเทศไทย ได้ครอบครงสัมปทานที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม 20 ปี
รายได้หลักของ SEAOIL มาจากการจำหน่ายน้ำมันประมาณ 95% โดยแบ่งเป็นลูกค้าทางทะเล 90% และลูกค้าทางบก 5% นอกเหนือจากนั้นจะเป็นรายได้จากการบริการสนับสนุนลูกค้าทางทะเล 5% ในขณะที่บริษัทร่วมค้า POES ยังไม่สร้างผลกำไร รวมไปถึงบริษัทย่อย NPC ซึ่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีก็ยังไม่มีรายได้
เปรียบเทียบ BAFS vs SEAOIL
ธุรกิจหลัก : ทั้ง 2 บริษัทต่างมีลักษณะเป็นธุรกิจบริการทั้งคู่ โดย BAFS จะบริการจัดเก็บ ขนส่ง และเติมน้ำมันอากาศยาน ในขณะที่ SEAOIL จะมีลักษณะเหมือน trading หรือซื้อมาขายไปน้ำมันเป็นหลัก จากภาพรวม ธุรกิจบริการถือมีความสามารถในการแข่งขันค่อนข้างสูงกว่า และยังได้รับสัมปทานกึ่งผูกขาดจากรัฐ ในขณะที่ SEAOIL เป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เรือเดินทะเลสามารถเลือกซื้อน้ำมันได้ตามใจชอบ
กลุ่มลูกค้าและภาคอุตสาหกรรม : กลุ่มลูกค้าหลักของ BAFS คืออากาศยานซึ่งอิงกับภาคท่องเที่ยวและเดินทางทางอากาศเป็นหลัก การติดตามบริษัทจึงควรมุ่งเน้นไปที่จำนวนสายการบินและนักท่องเที่ยวในแต่ละปี ในขณะที่ SEAOIL มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นเรือเดินทะเลซึ่งอิงกับเศรษฐกิจโลก ทั้งภาคนำเข้าและส่งออก การติดตามธุรกิจจึงต้องดูภาพรวมของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขนส่งระหว่างประเทศ
ผู้ถือหุ้นใหญ่ : ผู้ถือหุ้นใหญ่หลักของ BAFS คือสายการบิน บริษัทน้ำมัน และท่าอากาศยาน ทำให้บริษัทมีแรงเกื้อหนุนจากผู้ถือหุ้นอยู่มาก เนื่องจากเป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญซึ่งกันและกัน ในขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SEAOIL คือกลุ่มนทลิน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ฝูงเรือ PRM ซึ่งก็จะเอื้อประโยชน์ในการเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของ SEAOIL เช่นกัน
ความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน : ทั้งสองบริษัทถือว่ามีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันต่ำทั้งคู่ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการและเน้นการคิดค่าบริการแบบไม่อิงกับราคาน้ำมันเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม SEAOIL มีธุรกิจย่อยเป็นบริษัทขุดเจาะปิโตรเลียมและบริษัทปิโตรเคมี ซึ่งบริษัทตรงนี้จะได้รับผลจากราคาน้ำมันโดยตรง
งบการเงิน (ปี 2559) รายได้ของทั้งคู่อยู่ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท แต่ BAFS มีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ SEAOIL ขาดทุนอยู่ประมาณ 23 ล้านบาท สิ่งสำคัญที่สร้างความแตกต่างคือลักษณะการประกอบธุรกิจที่บาฟให้บริการที่ซับซ้อนมากกว่าและกึ่งผูกขาดมากกว่า ทำให้เรียกอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงถึง 56.62% ในขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งของ SEAOIL นั้นถือว่ามีการแข่งขันสูงและผู้เล่นรายใหม่เข้าตลาดมาได้โดยง่าย ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่เพียง 7.37% ตามลักษณะการประกอบธุรกิจโดยทั่วไป สุดท้ายถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีรายได้ใกล้เคียงกันมาก แต่มูลค่ากิจการตามราคาตลาดของทั้งคู่ก็ต่างกันอยู่มากพอสมควร โดย BAFS มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ในขณะที่ SEAOIL มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท เรียกว่าต่างกันถึง 20 เท่าทีเดียว
บทความนี้ไม่มีเจตนาจะชี้นำว่าหุ้นไหนดีไม่ดี หรือแนะนำซื้อ ถือ ขาย เพียงแต่นำลักษณะการประกอบธุรกิจที่น่าสนใจมาเปรียบเทียบกันเพื่อเป็นกรณีศึกษาให้กับนักลงทุนได้ไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์กิจการอื่นๆ อีกต่อไป
ปัจจัยเปรียบเทียบ
|
BAFS |
SEAOIL |
1 ธุรกิจหลัก | จัดเก็บ ขนส่ง และเติมน้ำมัน | ซื้อมาขายไปน้ำมัน |
2 ลักษณะธุรกิจ | Service | Trading |
3 กลุ่มลูกค้าหลัก | อากาศยาน | เรือเดินทะเล |
4 ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง | การเดินทางทางอากาศ | การขนส่งทางทะเล |
5 คุณค่าของธุรกิจหลัก | สูง | ปานกลาง |
6 การแข่งขันในอุตสาหกรรม | ต่ำ | สูง |
7 การลงทุนในระบบขนส่ง | ลงทุน | ไม่ลงทุน |
8 ความภักดีของลูกค้า | ปานกลางถึงสูง | ปานกลางถึงต่ำ |
9 ทรัพยากรหลัก | สัมปทาน (มาก) | สัมปทาน (น้อย) |
10 ผู้ถือหุ้นใหญ่ | สายการบิน
บริษัทน้ำมัน ท่าอากาศยานไทย |
กลุ่มนทลิน |
11 ความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน | ต่ำ | ปานกลาง |
12 แนวโน้มอุตสาหกรรม | อิงภาคขนส่งและท่องเที่ยว | อิงภาคพลังงาน |
งบเปรียบเทียบ (ปี 2559)
|
BAFS |
SEAOIL |
1 รายได้ | 3,564.69 ล้านบาท | 3,787.45 ล้านบาท |
2 กำไรสุทธิ | 1,097.12 ล้านบาท | -23.98 ล้านบาท |
3 อัตรากำไรขั้นต้น | 56.62% | 7.37% |
4 อัตรากำไรสุทธิ | 29.56% | -0.63% |
5 ROE | 19.14% | -2.16% |
6 D/E | 0.79 เท่า | 1.04 เท่า |
7 เงินสด | 4,148.23 ล้านบาท | 254.54 ล้านบาท |
8 มูลค่าตามราคาตลาด | 29,802.95 ล้านบาท | 1,494.55 ล้านบาท |
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :