การลงทุนที่เป็นไปได้ในช่วงตลาดหมี
โลกในปีค.ศ. 2022 นี้เพิ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ไม่นาน แต่ผลกระทบก็ยังคงอยู่ ภาวะสงครามที่เริ่มขึ้นในหลายแห่ง รวมถึงสงครามการค้าล้วนส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำลง ทั้งการเกิดภาวะเงินเฟ้อ การคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการที่หุ้นหลายตัวมีราคาตกต่ำลง ล้วนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าโลกการลงทุนกำลังเข้าสู่ช่วงตลาดหมี ซึ่งหมายถึงช่วงที่ตลาดซบเซา มูลค่าการซื้อขายหุ้นลดต่ำลง และอาจลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ตรงกันข้ามกับตลาดกระทิงที่การซื้อขายหุ้นเป็นไปอย่างคึกคัก [1]
ในช่วงที่ตลาดซบเซาเช่นนี้ นักลงทุนมักเกิดคำถามว่าจะลงทุนอย่างไรได้บ้าง คำแนะนำที่ปลอดภัยทีสุดอาจเป็นการเลือกเก็บเงินสดไว้กับตัวเฉย ๆ แล้วรอดูทิศทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่เน้นคุณค่า [2] ทั้งนี้ ลงทุนศาสตร์ได้สรุปวิธีการลงทุนที่เป็นไปได้ ดังที่เสนอในเว็บไซต์ INVESTOPEDIA [3] ไว้ดังนี้
ตามคำแนะนำของ INVESTOPEDIA เมื่อเข้าสู่ตลาดหมี หุ้นร่วงตกลง นักลงทุนย่อมเกิดความสับสนว่าควรทำอย่างไรต่อ อย่างไรก็ตาม การชะงักงันและไม่ยอมทำอะไรย่อมไม่เป็นทางเลือกที่ดี ในช่วงตลาดหมีเช่นนี้ ภาวะการร่วงตกลงของหุ้นจะคงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้น นักลงทุนควรใช้เวลานี้หยุดไตร่ตรองทิศทางของตลาดและความเป็นไปที่เกิดขึ้น และค่อยเลือกตัดสินใจเมื่อพร้อมลงทุนอีกครั้ง นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงทุนต่อหรือรีบถอนตัวจากตลาดหุ้นในสถานการณ์เช่นนี้
ในช่วงตลาดหมี สิ่งแรกที่นักลงทุนควรสังเกตคือสัดส่วนการลงทุนของตนเอง แม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องตกต่ำลงในเวลาเดียวกัน จากข้อมูลการลงทุนที่ผ่านมา สินค้าอุปโภคบริโภคและสินเพื่อสุขภาพเป็นที่ต้องการเสมอ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่เลือกกระจายการลงทุนในหลายด้านมีโอกาสที่จะได้รับกำไรในภาวะตลาดหมี
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นักลงทุนที่แบ่งสัดส่วนการลงทุน ร้อยละ 50 ในตราสารหนี้ ร้อยละ 30 ในหุ้นของสหรัฐอเมริกา และอีกร้อยละ 20 ถือเป็นเงินสด ยังได้รับกำไรเฉลี่ยร้อยละ 7.3 ในช่วงเดือนกันยายน ปีค.ศ. 1929-กุมภาพันธ์ ค.ศ.1937 และยังได้กำไรต่อไปในช่วงปีค.ศ.1929-1998 สัดส่วนการลงทุน 30/50/20 เช่นนี้ทำกำไรให้ได้มากยิ่งกว่าการเลือกลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว
ในขณะเดียวกัน เมื่อเกิดภาวะตลาดหมีขึ้น นักลงทุนมักจะตื่นตระหนกและเลือกที่จะเทขายหุ้นที่ตนเองครอบครองไว้ ไม่มีคำตอบตายตัวว่าการตัดสินใจเช่นนี้ถูกหรือผิด หากนักลงทุนเลือกเทขาย ก็อาจพลาดโอกาสเมื่อตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากตลาดหมีสิ้นสุด แต่หากนักลงทุนเลือกถือหุ้นไว้ต่อไป ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้ และรอคอยจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมา นอกจากนี้ นักลงทุนบางกลุ่มอาจเลือกวิธี hedge ซึ่งเป็นการป้องกันความเสี่ยง หรือเลือกช้อนซื้อหุ้นที่ราคาตกต่ำลงในช่วงตลาดหมีเพื่อรอเวลาให้หุ้นเหล่านั้นมีราคาที่สูงขึ้นและทำกำไรให้อีกครั้ง
จากที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า แม้ภาวะตลาดหมีจะมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนต้องหยุดชะงักงัน นักลงทุนมีทางเลือกมากมายในการเลือกลงทุนในภาวะตลาดหมี แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าเลือกทางใด นักลงทุนต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบและยอมรับผลจากการเลือกตัดสินใจนั้นด้วยตนเอง
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE
พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์
อ้างอิง
[1] นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์. (2565). Bull, Bear, Sideways เป็นอย่างไร พร้อมกลยุทธ์การลงทุน. สืบค้นจาก https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/bull-bear-sideways-market.html
[2] CNBC television. (June 1, 2022). Investors should focus on value during bear market, says Schwab’s Liz Ann Sonders. Retrieved from https://youtu.be/ARJ5w-8VzaQ
[3] Langager, C. (May 24, 2022). Where Investors Put Their Money in a Bear Market. Retrieved from https://www.investopedia.com/ask/answers/06/investduringbearmarket.asp
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :