รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดหรือไปต่อ จังหวะเวลา 5 ประการที่เหมาะสมสำหรับการขายหุ้น

รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดหรือไปต่อ จังหวะเวลา 5 ประการที่เหมาะสมสำหรับการขายหุ้น

วัฏจักรของการลงทุนมีทั้งการซื้อ ขาย และการเฝ้ารอเพื่อพิจารณาโอกาส หาจังหวะในการซื้อและขายให้เหมาะสม การจะซื้อหุ้นมีองค์ประกอบที่ต้องตัดสินใจมากมาย การจะขายหุ้นออกไปก็ไม่ต่างกัน สาเหตุที่นักลงทุนแต่ละคนเลือกขายหุ้นมีความแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นออกไปในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมจะทำให้นักลงทุนไม่ขาดทุน หรือหากขาดทุนก็เป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ ในที่นี้ ลงทุนศาสตร์ขอนำเสนอช่วงจังหวะเวลา 5 ประการที่เหมาะสมสำหรับการขายหุ้น ดังต่อไปนี้

จังหวะเวลาที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการขายหุ้น คือการที่หุ้นดังกล่าวทำกำไรได้ถึงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เข้าทำนองน้ำขึ้นให้รีบตัก หากว่าหุ้นทำกำไรให้เหมาะสมแล้ว ก็ควรพิจารณาต่อไปว่าหุ้นมีราคาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้จากองค์ประกอบใดบ้าง หากหุ้นมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้มากกว่าที่ตั้งใจไว้ อาจพิจารณาต่อไปว่าจะถือต่อเพื่อรอดูไปอีก หรือขายเพียงบางส่วน หรือขายทั้งหมดตามที่ได้ตั้งใจไว้ แต่หากหุ้นทำกำไรได้จากปัจจัยที่ไม่ยั่งยืน และดูไม่มีแนวโน้มจะส่งต่อไปในภายภาคหน้า การตัดสินใจขายก็นับเป็นทางออกที่เหมาะสม

จังหวะเวลาต่อมาที่ควรขายหุ้น คือการที่หุ้นที่ผิดพลาดกลับมาทำกำไรได้ หรือมีราคาเท่าทุน หุ้นที่ผิดพลาดคือหุ้นที่ตัวเราเองอาจประเมินผิดไป และซื้อไว้เพื่อรอคอยจังหวะที่หุ้นดังกล่าวจะทำกำไรให้ หรืออย่างน้อยกลับมามีราคาเท่าทุน หากโอกาสที่จะปล่อยหุ้นที่ผิดพลาดมาถึง ก็นับเป็นจังหวะดีที่จะได้จัดการกับหุ้นที่ไม่ต้องการโดยที่ไม่ขาดทุน

จังหวะเวลาที่สามารถขายหุ้นได้อีกรูปแบบ คือการที่หุ้นที่ผิดพลาดดูไม่มีทีท่าที่จะกลับมาทำกำไรให้หรือเท่าทุน ในกรณีเช่นนี้ ไม่ควรยื้อไว้ให้หุ้นดังกล่าวติดลบหนักไปเรื่อย ๆ การตัดใจขายหุ้นที่พลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็เป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขายหุ้น เท่ากับว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก่อนที่ความผิดพลาดจะยิ่งลุกลามบานปลาย

จังหวะเวลาประการที่ 4 ที่ควรจะขายหุ้น คือการที่หุ้นที่ถือครองมีข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การดำเนินการของบริษัท นโยบายอื่นใดที่ผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วย หากข้อมูลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหุ้นเปลี่ยนแปลงไป ควรคิดทบทวนและตัดสินใจอีกครั้งว่าจะยังถือหุ้นต่อไป หรือขายเพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองได้ลงทุนในหุ้นใหม่ หากการเปลี่ยนแปลงใดที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นตัวเดิมไว้เสมอไป

จังหวะเวลาประการสุดท้ายที่เหมาะสมสำหรับการขายหุ้น คือการปรับเปลี่ยนพอร์ตให้เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนที่ต้องการ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องวางพอร์ตไว้รูปแบบเดียวแล้วยึดติดกับการลงทุนเดิมไปตลอด แต่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนได้ตามต้องการ โดยรูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอาจเกิดจากการได้รับข้อมูลการลงทุนที่เพิ่มขึ้น หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การแต่งงาน การเข้าสู่วัยเกษียณ เป็นต้น

การขายหุ้นออกไปตามช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้นักลงทุนไม่เจ็บหนักจากการขายหุ้น และยังได้โอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม ไม่ว่าเหตุผลในการขายหุ้นของแต่ละท่านจะเป็นเช่นไร ลงทุนศาสตร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะอดทนรอและพิจารณาช่วงจังหวะที่เหมาะสม และขายหุ้นออกไปได้ในจังหวะเวลาที่ดีดังที่ต้องการ