ทำไมคนไทยเริ่มหนีไปลงทุนต่างประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในหัวข้อการลงทุนที่ร้อนแรงมากที่สุดในช่วง 2-3 ปีมานี้ คงหนีไม่พ้นการไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ปรับตัวมากที่สุดเห็นจะไม่พ้น “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการออกผลิตภัณฑ์ Depositary Receipt (หรือ DR หลักทรัพย์ที่จดทะเบียนให้ซื้อขายได้เหมือนหุ้น) มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การที่เราถือ DR นั้นไม่ต่างจากการที่เราเป็นเจ้าของหุ้นหรือกองทุน ETF นั้น ๆ โดยปริมาณหลักทรัพย์ประเภท DR ที่มีให้จดทะเบียนนั้นมี เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยใช้บริการเทรดผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั่นเอง
แต่สงสัยหรือไม่ ว่าทำไมช่วงหลังมานี้คนไทยถึงหันมาลงทุนต่างประเทศมากยิ่งขึ้น จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องปรับตัวเพื่อให้เท่าทันนักลงทุน วันนี้เรามาดูเหตุผล 3 เหตุผลที่ทำให้การลงทุนต่างประเทศดูน่าสนใจในช่วง 2-3 ปีมานี้กัน
ศักยภาพกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไทย (EPS) ไม่เติบโต
ตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นมานี้ EPS หรือกำไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนในไทยไม่ได้เติบโตขึ้นเลย โดยปี 2018 SET ของเรามี EPS อยู่ที่ราว ๆ 106 แต่หลังจากปี 2018 เป็นต้นมา EPS แกว่งตัวอยู่ในกรอบที่ 70-91 แต่เพียงเท่านั้น (นับตั้งแต่ช่วงปี 2021 – ปัจจุบัน)
และแน่นอนว่า ช่วงเวลาปัจจุบันภาพรวมของกำไรจดทะเบียนซึ่งเป็นเจ้ามือตัวจริงนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นเลย นั่นเลยทำให้ภาพรวมของตลาดเราอาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มีมากกว่าเงินจากนักลงทุนรายย่อย หรือสถาบันภายในประเทศย่อมที่จะเดินทางไปในที่ ๆ ผลตอบแทนดีกว่าอย่างที่ควรจะเป็น นั่นทำให้การลงทุนในไทยออาจจะไม่น่าสนใจขนาดนั้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในต่างประเทศนั่นเอง
ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นประเทศไทยย้อนหลังเมื่อเทียบกับต่างประเทศไม่ได้ดีเมื่อเทียบกับต่างประเทศ
อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือเรื่องผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังของตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากย้อนไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ตอนนั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1577.27 จุด เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ 1387.15 จุด จะพบว่าตอนนี้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยเราติดลบอยู่ 12.05%
เมื่อเทียบกับ ตลาดอเมริกาที่ช่วงเวลาเดียวกัน โดยพิจารณาจาก ETF SPY ซึ่งเป็นตัวแทนของดัชนี S&P 500 ซึ่งช่วงปี ค.ศ. 2019 ราคาของ SPY อยู่ที่ 321.12 จุด ปัจจุบันอยู่ที่ 594.95 จุด หรือคิดเป็นผลตอบแทน 85.28%
และเมื่อเทียบอัตราส่วน P/E Ratio อัตราส่วนที่ใช้วัดความถูกแพงของตลาดหุ้นไทยในตอนนี้แล้ว หลังจากปี 2021 เป็นต้นมี PE ของตลาดหุ้นไทยเราเทรดอยู่ในกรอบ 17-21 เท่า ซึ่งนับว่าดัชนีของเราเทรดอยู่ในระดับพรีเมี่ยมระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดโซน Latin America ที่ 7.33 เท่า ตลาดหุ้นฮ่องกงที่ 11.78 เท่า ดัชนีหุ้นโลก (วัดจาก VT ETF) ซึ่งเทรดอยู่ที่ P/E 21.64 เท่า ซึ่งแพงกว่าไทยเพียงแค่ไม่กี่เท่า
เมื่อวัดทั้งความถูกแพง และผลตอบแทนทบต้นที่อาจจะไม่ดีพอเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ และตลาดใหญ่สุดมีสภาพคล่องสูงอย่างตลาดสหรัฐแล้ว จึงเป็นอีกประเด็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำไมคนถึงขนเงินไปลงทุนต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
และประเด็นสุดท้ายมองว่าส่งผลกระทบมากที่สุด โบรกเกอร์ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่ำให้บริการมากขึ้น
ปัจจุบันนี้เอง การลงทุนไปต่างประเทศสามารถทำได้ง่ายดายมากกว่าแต่สมัยก่อนม โดยเฉพาะจากการมาของโบรกเกอร์น้องใหม่อย่าง DIME ที่ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ มีคอมมูนิตี้ที่อบอุ่น และที่สำคัญแคมเปญการลงทุน “50 บาท” ก็ลงทุนหุ้นต่างประเทศได้นี้ ได้ดึงดูดให้คนหันมาลงทุนต่างประเทศมากขึ้น
นอกจาก Dime แล้ว ยังมีบริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ ก็ได้ปรับตัวให้บริการลงทุนหุ้นต่างประเทศเช่นกัน เช่น InnovestX จากธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เน้นการลงทุนรอบโลกไม่จำกัดเพียงอเมริกา, Webull ซึ่งให้บริการเทรดออปชันและหุ้นอเมริกา, SBITO ที่เปิดให้เทรดหุ้นญี่ปุ่น และหุ้นอเมริกา, Liberator ซึ่งมี Libfam บริการ Subscription ที่สามารถเทรดหุ้นอเมริกาได้แบบเหมาจ่าย (แต่ไม่เกินแสนเหรียญ)
นอกจากนี้ ยังมีโบรกเกอร์อีกหลายแห่งที่ท่านสามารถหาได้จากบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากตลาดหลักทรัพย์เป็นการต่อไป
กล่าวไม่ผิดว่าการมีโบรกเกอร์เหล่านี้เองช่วยให้รายย่อยมีทางเลือกมากขึ้นในการลงทุน และค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นต้นทุนในการหาผลตอบแทนด่านแรกนี้ถูกขึ้นเอง มันได้ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถจัดสรรค์การซื้อขายพร้อมวางแผนกลยุทธ์ได้มากขึ้น
สำหรับเราในฐานะนักลงทุนแล้วการมีทางเลือกในการลงทุนเพื่อเข้าสู่เป้าหมายการเงินที่วางเอาไว้ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลว เมื่อเทียบกับวางเงินไว้ในตลาดที่ประสิทธิภาพไม่เด่นเท่ากับตลาดโลก
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
ติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , และ WEBSITE
https://worldperatio.com/area/
https://www.ceicdata.com/en/indicator/hong-kong/pe-ratio
https://www.set.or.th/th/market/product/dr/introduction
https://www.facebook.com/lpipat/posts/pfbid0ELuhgkwa5X96T8C2aj7QZwAauJn7PwmxqMwNk77BiFA6QHBAuUHXyeZqFWJWQharl
https://www.facebook.com/funxmanager/posts/pfbid02vmsGMz56ksvEuxG2zvgaGSrEsUMCcmieN19beYKsedFbPREcMPchkkDV6wsqgdA8l
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :