XO หรือบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสอาหารหลากหลายประเภท หุ้นเอ็กซ์โอถือเป็นหุ้นกลางสปอตไลท์อีกตัวหนึ่งของปีนี้ เนื่องจากหุ้นลงไปทำจุดต่ำสุดประมาณเดือนมีนาคมที่ 4.40 บาท ก่อนจะวิ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุดที่ราคา 10.00 บาท หรือเทียบเท่ากับผลตอบแทน 127.27% ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับบริษัทก่อน บริษัททำธุรกิจหลักคือผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสอาหารเป็นหลัก โดยลูกค้าส่วนใหญ่คือตลาดต่างประเทศ บริษัทจะหาพาร์ทเนอร์เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าในแต่ละประเทศ กลุ่มลูกค้าหลักเป็นประเทศแถบยุโรป รายได้ของบริษัทมาจากต่างประเทศแทบทั้งหมด
ผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัท
1 ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหาร เช่น น้ำจิ้ม ซอส
2 ผลิตภัณฑ์เครื่องประกอบอาหาร เช่น เครื่องแกง กะทิ
3 ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากผักและผลไม้ เช่น น้ำมะพร้าว น้ำว่านหางจระเข้
4 ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เช่น ข้าวแกงเขียวหวาน ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย
5 อาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปอื่น เช่น ผักและผลไม้กระป๋อง
บริษัทมีสินค้าหลักในเครือหลากหลายแบรนด์ โดยมีแบรนด์เรือธงได้แก่ Exotic Food และแบรนด์อื่นในเครือ เช่น Thai Pride, Flying Goose และ Coco Loto
อะไรคือสิ่งขับเคลื่อนราคาหุ้น XO
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นมากว่าสองเด้งภายในเวลาไม่กี่เดือนคือกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยกำไรเติบโตจาก 14.44 ล้านบาทไปเป็น 46.03 ล้านบาท ภายในช่วงเวลาไตรมาสเดียวกัน หรือเทียบเท่ากับการเติบโต 218.77%
รายได้ เติบโต 5.21% yoy
กำไรขั้นต้นเติบโต 37.92% yoy
กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเติบโต 195.09% yoy
กำไรสุทธิเติบโต 218.77% yoy
บริษัทได้รับผลกระทบหลายอย่างที่ทำให้กำไรเติบโตได้อย่างมาก เรียกได้ว่าเหตุการณ์ดีๆ เกิดขึ้นพร้อมกัน จนทำให้ภาพรวมของงบการเงินดีขึ้นมาก ถึงแม้ว่ารายได้จะโตเพียง 5 เปอร์เซ็นต์กว่าเท่านั้น
1 ราคาวัตถุดิบหลัก (น้ำตาล) ลดลง
2 การกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้า
3 ต้นทุนค่าผลิตที่ลดลงจากอัตราการผลิตที่มากขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วมีการย้ายการผลิตจากแหลมฉบังไปยังอมตะซิตี้ทำให้มีค่าใช้จ่ายการผลิตบางอย่างที่ซ้ำซ้อน
4 แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนของบาท/ยูโร มีแนวโน้มอ่อนค่า 3.70% yoy ซึ่งรายได้ในรูปแบบยูโรกินสัดส่วน 75.00% ของรายได้รวม
5 การลดลงของค่าใช้จ่ายค่าส่งเสริมการขาย
6 การลดลงของค่าใช้จ่ายค่าบริหาร
7 การลดลงของอัตราภาษีเงินได้
เมื่อนำผลทั้งหมดมารวมกันจึงทำให้กำไรเติบโตอย่างมาก ภายใต้การเติบโตของรายได้ที่ไม่มากนัก ภาพรวมจึงทำให้ราคาหุ้นตอบสนองต่อการเติบโตของกำไรอย่างรุนแรง เรียกได้ว่ากลายเป็นหุ้นสองเด้งภายในเวลาสองเดือน
นักลงทุนคงต้องติดตามกันต่อไปว่าบริษัทจะมีแนวโน้มการเพิ่มรายได้อย่างไร และต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ลดลงจะยังสามารถรักษาประสิทธิภาพในการควบคุมต่อไปตลอดช่วงปีที่เหลือหรือไม่ แนะนำว่าหากใครสนใจอาจลองไปฟัง opp day ครั้งล่าสุดที่ผู้บริหารมาให้ข้อมูลดู มีรายละเอียดทางธุรกิจหลายอย่างที่น่าสนใจทีเดียว
อัพเดทล่าสุดเมื่อ :